พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รองผบก.ป.) เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวน บช.ก. ได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดี นายศรีสุวรรณ จรรยา กับกลุ่มผู้ต้องหา รวม 5 คน เรียกรับทรัพย์สิน นายนัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เสนอต่ออธิบดีอัยการ สำนักงานดดีปราบปรามการทุจริตเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับคดีนี้ นายนัฏฐกิตติ์ ได้กล่าวหาว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหาเรียกเอาทรัพย์สินโดยทุจริตต่อหน้าที่ เป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ และได้นำตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มาสอบสวน
ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายยศวริศ ชูกล่อม ผู้ต้องหาที่ 1 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ต้องหาที่ 2 นางสาวพิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ ผู้ต้องหาที่ 3 นายเอกลักษณ์ วารีชล ผู้ต้องหาที่ 4 และ นางสาวณพัชญ์ปภา จรรยา ผู้ต้องหาที่ 5 ถูกดำเนินคดีเหมือนกันรวม 6 ข้อหา ประกอบด้วย
1. ร่วมกันสนับสนุน เจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งโดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 172
2. ร่วมกันสนับสนุน เจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่มาตรา 173
3. ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน โดยวิธีอันทุจริต มาตรา 175
4. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และชื่อเสียง มาตรา 337
5. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมหรือยอมให้ตนได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าเปิดเผยความลับ มาตรา 338 และ
6. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป มาตรา 309 วรรคสอง