xs
xsm
sm
md
lg

“จตุพร”เชื่อ“เฉลิม”เดือดสุดขีดปม“อุ๊งอิ๊ง”เรียก“วัน”ไปตำหนิ คาดโอกาสคืนดีกันคงยากแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรียกนายวัน อยู่บำรุง ไปตำหนิกรณีไปบ้านบิ๊กแจ๊ส พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในวันนับผลคะแนนเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีเท่ากับตำหนิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วย เพราะไปด้วยกัน

“เชื่อว่า หลังจากนี้คงไม่มีการเคลียร์กันเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว จึงอยู่ที่ว่า จากนี้ไปใครจะทนใครได้มากกว่ากัน ดังนั้นต้องจับตาพรรคเพื่อไทยให้ดี หากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไม่รอดจากการถูกศาล รธน.ถอดถอนแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์พรรคเพื่อไทยแพแตก ซึ่งอาจจะใหญ่กว่าพรรคก้าวไกลเสียอีก”

อีกทั้งย้ำว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาคำรามกันรอบนี้ โอกาสคืนดีกันคงจะยากแล้ว เพราะอุ๊งอิ๊งอ้างหลักการปกครองคนหมู่มากจึงต้องตำหนินายวัน อย่างไรก็ตามในทางการเมืองนั้น จะใช้พระเดชอย่างเดียวปกครองย่อมเป็นเรื่องยากมาก จึงต้องมีศิลปะหลากหลายมาผสมเป็นศาสตร์การปกครองนักการเมือง

นายจตุพร กล่าวว่า สมัยที่ทักษิณ ชินวัตร นอนอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยังตำหนิ ร.ต.อ.เฉลิมกับนายวันรุนแรงว่า กวนโอ๊ยทั้งพ่อและลูก เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงต้องรีบดับไฟลุกลามเสียก่อน โดยส่งอุ๊งอิ๊งไปที่บ้าน ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อสงบศึก

นายจตุพร ระบุว่า กรณีของบิ๊กแจ๊สและ ร.ต.อ.เฉลิม จะเป็นเรื่องสะท้อนในอนาคต ซึ่งปรากฎการณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม จะเป็นร่องรอยอย่างหนึ่งชัดเจน อีกอย่างกรณีนายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ วิจารณ์นายเศรษฐา อุ๊งอิ๊งยังไม่เรียกไปตำหนิเลย

"นายวรชัย เหมะ วิจารณ์นายกฯ ซึ่งทางการเมืองใหญ่กว่ากรณี ร.ต.อ.เฉลิมกับนายวันไปปรากฎตัวที่บ้านบิ๊กแจ๊ส กลับถูกอุ๊งอิ๊งตำหนิว่า เสียการปกครอง แต่ไม่เรียกนายวรชัย ไปตำหนิทั้งที่เป็นเรื่องทางการเมืองที่ใหญ่กว่าเสียอีก แต่ไม่ต่อว่า เสียการปกครอง”

ส่วนนายเศรษฐา พูดที่สภาถึงให้สิทธิ์ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีเพราะต่างชาติร้องขอนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องที่ดินไม่ใช่จะร้องขอกันได้ง่ายๆ เพราะคนได้ประโยชน์คือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างคอนโดขายไม่ออก 1.3 ล้านยูนิตคิดเป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาทมากกว่างบประมาณรายปีเสียอีก

อีกทั้งระบุว่า การพยายามให้ซื้อคอนโดพร้อมที่ดินอยู่นาน 99 ปีนั้น เป็นรอยต่อจากการดันดิจิทัลวอลเล็ตให้สำเร็จ เพื่อใช้เงินดิจิทัลแบบโทเคนหรืออย่างอื่นมาซื้อขายกันที่ฮ่องกง เพราะไม่ต้องพิสูจน์ที่มาของเงินว่า เป็นเงินสีเทาหรือดำหรือไม่ ดังนั้น หลักคิดต่างๆ เช่นนี้ประเทศไม่ได้อะไรเลย นอกจากบริษัทอสังหาฯเท่านั้นที่ได้เต็มๆ

"เรื่องนี้จะให้เกิดขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต แม้จะขัดใจประชาชนที่ยากลำบากกันถ้วนหน้าอยู่แล้ว แต่ต้องใจแข็งให้มากเพราะถ้าได้เงินหมื่นบาทแจกไปซื้อสินค้าในราคา 3,500 บาท เมื่อประเทศใช้หนี้กลับต้องใช้ถึง 30,000 บาท รวมแล้วจะเป็นหนี้มากถึง 1.8 ล้านล้านบาท ชั่วลูกหลานก็ใช้หนี้ไม่หมด ทั้งที่ต้นทุนมีแค่แสนกว่าล้านเท่านั้นเอง”

นายจตุพร กล่าวว่า ที่คัดค้านเงินดิจิทัลนั้น ไม่ได้หมายความว่า ไม่อยากให้ประชาชนได้ แต่การได้เงินแจกกลับเป็นความเสียหายของประเทศ และยังมีคนกลางได้กอบโกยผลประโยชน์ที่มากกว่าด้วย

สิ่งสำคัญนายกฯ กลับเก็บงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัล โดยไม่นำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ เท่ากับซ้ำเติมประชาชนให้ลำบากมากขึ้น ส่วนการลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหา แต่ไม่ได้นำมาแก้ไขจึงไม่เกิดประโยชน์อะไร

อีกอย่างนายกฯ ไปต่างประเทศทำตัวเป็นเซลล์แมนให้ประเทศแสดงถึงการทำหน้าที่ผิดบทบาท รัฐบาลควรใช้ทูตพาณิชย์ทำหน้าที่ เมื่อเจรจาสำเร็จนายกฯ จึงไปปิดงานน่าจะเหมาะสมกว่า ดังนั้น 10 เดือนที่ไปต่างประเทศและลงพื้นที่ในไทยกลับไม่มีผลงานอะไรเลย จึงเป็น 10 เดือนที่สูญเปล่า ดังนั้นตนจึงหวังลมๆแล้งๆว่า สิงหาคมนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง

ประเทศไทยต้องมาก่อน