นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ร่วมกันตรวจสอบ กำกับการสอบสวน กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในกรณีนายปัญญา คงแสนคำ หรือ "ลุงเปี๊ยก" ที่ถูกตำรวจสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว บังคับให้รับสารภาพคดีการเสียชีวิตของป้าบัวผัน เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับคณะพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการปกครองว่า ในชั้นสอบสวนมีความเห็นส่งฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 ราย ในความผิดตามมาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 6 และ 7 จากพฤติการณ์ที่ไม่มีแจ้งการจับกุมตัวลุงเปี๊ยกไปยังอัยการจังหวัดสระแก้ว และนายอำเภอจังหวัดสระแก้ว และนำถุงดำคลุมหัวลุงเปี๊ยก เปิดแอร์ให้หนาวเย็นเพื่อให้ได้มาซึ่งคำสารภาพ ทั้งยังนำตัวไปยังห้องพนักงานสืบสวนตลอดคืน โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธทั้งหมด และอ้างพยานหลักฐานมาหลายปาก ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตรวจสอบ สอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายแล้วทั้งหมด
หลังจากนี้จะเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่ร่วมสอบสวนที่ยังมีข้อไม่เห็นด้วยทำความเห็นชี้แจงส่งมาได้ จากนั้นคณะพนักงานสอบสวนจะมีความเห็นในสำนวนคดี ส่งไปให้คณะพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นตรวจสอบ ก่อนจะส่งให้สำนักงานคดีปราบปรามทุจริตภาค 2 จังหวัดระยอง พิจารณาสั่งฟ้องภายในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมนำตัวผู้ต้องหา ตามกฏหมาย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จะเหมือนกับ พ.ร.บ.องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ไม่ต้องส่งให้ ป.ป.ช.แม้จะเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับ "ลุงเปี๊ยก" ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลธัญญารักษ์ ร่างกายแข็งแรงอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ไม่เคยป่วยโรคสุราเรื้อรัง แค่เป็นผู้ที่ดื่มสุรามาก ปัจจุบันเลิกดื่มแล้ว มีความจำดี สามารถให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนได้ชัดเจน
ด้านนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลและพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลกว่า 40 ปาก และพยานวัตถุเพิ่มเติมทั้งหมด ตามที่ผู้ต้องหาได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมมาและได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงมาเข้าที่ประชุมในวันนี้ด้วย