xs
xsm
sm
md
lg

กรมประมงเร่งทำวิจัยคุมการแพร่พันธุ์"หมอคางดำ" คาดคุมได้ใน 3 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยถึงโครงการวิจัย การเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n" ในปลาหมอคางดำ ว่า การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในประเทศไทยอย่างรุนแรงเป็นวงกว้าง จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบทั้งเชิงเศรษฐกิจของภาคการประมงและในเชิงความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศแหล่งน้ำจืดและน้ำกร่อย เนื่องจากปลาชนิดนี้มีความสามารถในการปรับตัวให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการแย่งชิงแหล่งอยู่อาศัยกับปลาท้องถิ่น และมีพฤติกรรมการกินอาหารได้ในวงกว้าง อัตราการแพร่พันธุ์รวดเร็วมาก เมื่อปลาหมอคางดำหลุดรอดลงสู่บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำหรือแหล่งน้ำใดก็ตาม ส่งผลทำให้ปลาชนิดอื่นๆ ลดจำนวนลงและปลาหมอคางดำกลายเป็นชนิดหลักในแหล่งน้ำนั้นแทน

กรมประมงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำธรรมชาติ ผ่าน 5 มาตรการสำคัญ ดังนี้

1. การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการระบาด

2. การปล่อยปลาผู้ล่า เช่น ปลากะพงขาว ปลาอีกง เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ

3. เป็นการนำปลาหมอคางดำที่กำจัดได้ไปใช้ประโยชน์

4. การสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติตามพื้นที่กันชนต่างๆ

5. การประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักรู้ และการมีส่วนร่วมในการกำจัดปลาหมอคางดำให้กับทุกภาคส่วน

สำหรับโครงการวิจัย เรื่อง การเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ กรมประมงได้มีแนวทางในการควบคุมการแพร่ขยายพันธุ์ของปลาหมอคางดำด้วยหลักการทางพันธุศาสตร์ โดยการศึกษาสร้างประชากรปลาหมอคางดำพิเศษที่มีชุดโครโมโซม 4 ชุด (4n) จากนั้นจะปล่อยปลาหมอคางดำพิเศษเหล่านี้ลงสู่แหล่งน้ำเพื่อให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำปกติที่มีชุดโครโมโซม 2 ชุด (2n) การผสมพันธุ์นี้จะทำให้เกิดลูกปลาหมอคางดำที่มีชุดโครโมโซม 3 ชุด (3n) ซึ่งลูกปลาที่มีโครโมโซม 3 ชุดนี้จะกลายเป็นปลาหมอคางดำที่เป็นหมัน ไม่สามารถสืบพันธุ์ต่อได้ ในเบื้องต้นของการศึกษานี้จะทดลองในบ่อทดลองเลียนแบบธรรมชาติ ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 18 เดือน และหากผลการวิจัยนี้สามารถควบคุมการเพิ่มจำนวนประชากรปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะขยายผลไปยังแหล่งน้ำอื่นๆ ต่อไป และเมื่อดำเนินการควบคู่กับวิธีการควบคุมอื่นๆ เช่น การใช้ปลาผู้ล่า และการจับปลาไปใช้ประโยชน์ ก็จะส่งผลให้การเพิ่มจำนวนปลาหมอคางดำรุ่นใหม่ลดลงจนสามารถควบคุมการระบาดได้ในอนาคต

ทั้งนี้ ปลาหมอคางดำไม่ใช่ปลาอันตราย ไม่มีพิษ และสามารถบริโภคได้ และยังใช้ประโยชน์ได้หลายประเภท ซึ่งจะช่วยในส่วนของการควบคุมปริมาณปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และนอกจากนี้การลดการเกิดของประชากรปลาหมอคางดำก็เป็นสิ่งที่กรมประมงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการตัดตอนปัญหาตั้งแต่ต้น กรมประมงได้เริ่มดำเนินโครงการวิจัยการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4n ในปลาหมอคางดำ และคาดว่าหากสัมฤทธิ์ผลจะสามารถแก้ไขปัญหาการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำได้อย่างชัดเจนภายใน 3 ปี