ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “สรุปว่า “วังน้ำเขียวเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” เป็นเรื่องอุปโลกน์กันขึ้นมาเอง 555”
และมีอีกโพสต์อธิบายขยายความเรื่องดังกล่าวว่า รู้แล้ว ที่มั่วกันว่า “วังน้ำเขียว เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” มันอุปโลกน์กันมายังไง จับแพะชนแกะมากๆ คือความเชื่อผิดๆ ว่า การไป “สูดโอโซน (O3)” คือการสูดอากาศบริสุทธิ์ มีออกซิเจน (O2) สูง (ทั้งที่โอโซน เป็นก๊าซพิษอันตราย ไม่ใช่ก๊าซออกซิเจนที่เราใช้หายใจ) มันมีมานมนาน ตั้งแต่ในต่างประเทศแล้ว
อย่างในยุควิกตอเรีย เมื่อ 100 กว่าปีก่อน คนอังกฤษก็ชอบบอกว่า ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะล คือการไปสูดโอโซน โดยคิดว่ากลิ่นแปลกๆ ของทะเลนั้น มาจากก๊าซโอโซน (ความจริงแล้วเป็นกลิ่นของ ไดเมทิลซัลไฟด์ (dimethyl sulfide) จากแพลงค์ตอนในทะเล)
ความเชื่อผิดๆ นั้น คงกระจายมาจนถึงประเทศไทยเราด้วย แต่ยังไม่แพร่หลายมาก จนกระทั่งมามีกระแสโปรโมตให้ไปเที่ยว “วังน้ำเขียว แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” นี่แหละ
ตัวอย่างเช่น ข้อความนี้ (ซึ่งเอามาจากข่าวหนังสือพิมพ์) “วังน้ำเขียว หลายคนเรียกว่า “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” อากาศสดชื่น เหมือนยืนอยู่บนเนินเขา เพราะวังน้ำเขียวเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก โดยมีการวัดกันที่ มณฑลชีวสงวน สะแกราช โดยองค์การยูเนสโก”
ปัญหาคือ นอกจากเรื่อง โอโซนเป็นก๊าซพิษ อย่างที่เราทราบกันแล้ว ยังมีเรื่องที่สงสัยกันว่า จริงเหรอที่วังน้ำเขียว ถูกจัดอันดับโดยองค์การยูเนสโกว่าเป็นอันดับ 7 ของโลก?
คำตอบคือ ไม่จริงครับ! องค์การยูเนสโกไม่ได้มาวัดโอโซนจัดอันดับอะไรทำนองนั้น แต่เป็นการเชื่อมโยงกันมั่ว จับแพะชนแกะกันไปหมด
เรื่องมันเริ่มจากที่เมื่อหลายปีก่อน (นานเป็นสิบๆ ปีแล้วนะ แต่หาข่าวไม่เจอว่าปี พ.ศ. เท่าไหร่) มีรายงานการค้นพบ เฟิน (fern) พันธุ์หายาก ที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
แล้วเนื่องจากเฟินดังกล่าวนั้น เป็นตัวชี้วัดคุณภาพอากาศได้ดี โดยจะขึ้นได้ในพื้นที่ที่อากาศบริสุทธิ์เท่านั้น (ยังหาข้อมูลไม่ได้ ว่าเป็นเฟินชนิดอะไร) จึงเป็นจุดขาย ให้นำมาโปรโมตวังน้ำเขียว ได้ว่าเป็นพื้นที่น่าท่องเที่ยว
แต่แทนที่จะโปรโมตว่า อากาศบริสุทธิ์เฉยๆ ก็ไปใช้คำว่า “เป็นแหล่งโอโซน” ตามความเข้าใจผิดๆ ว่า โอโซนคืออากาศบริสุทธิ์
ทีนี้แค่นั้นยังไม่พอ มันไปเชื่อมโยงเรื่อง “อันดับ 7 ของโลก” และ “องค์การยูเนสโก” ด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย เพราะความจริงคือ ใน พ.ศ. 2519 สถานีวิจัยสะแกราช ได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็น พื้นที่สงวนชีวมณฑล (Biosphere Reserve) เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และเป็น 1 ใน 7 ของเอเชีย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการจัดอันดับแหล่งโอโซน
มั่วกันไป มั่วกันมา มันเลยกลายเป็นกระแสโปรโมตผิดๆ ว่า “วังน้ำเขียว เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” นั่นเอง ซึ่งถ้าฝรั่งได้ยิน เขาคงไม่กล้ามาเที่ยวแน่ๆ หึๆๆ ตายกันพอดี
แถมด้วย ข้อมูลจาก “มิตรสหายท่านหนึ่ง” ผู้เคยทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับวังน้ำเขียว และอยู่ในช่วงที่มีการอุปโลกน์สร้างสโลแกน “แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก” ขึ้นมาผิดๆ ลองอ่านกันดูนะครับ
คอมเมนต์จากมิตรสหายท่านหนึ่ง ระบุถึงเรื่องที่มาของเลข 7 ว่า “ทำประชาสัมพันธ์ให้วังน้ำเขียวแต่ก่อน พยายามบอกว่าโอโซนมันไม่ใช่อากาศบริสุทธิ์ ผู้ประกอบการรู้ค่ะ แต่ก็ยังจะใช้ ประชุมระดับจังหวัด ผู้ว่ามา ทุกคนก็ยังรายงานว่าโอโซน และมีเพิ่มคืออันดับ 7 ของโลกพ่วงมาด้วย คนทำโฆษณาปวดหัว เอามาจากไหนตัวเลขอันดับ 7 ...ไม่มีใครตอบได้ ไม่มีที่มา เมคเอาเอง เพราะอันดับ 1 คนก็จะตรวจเยอะไป ไล่ไปไกลๆ หน่อยแต่เลขตัวเดียวก็ดูโอเคกว่ามั้ง
เป็นตราบาปในชีวิตที่ให้ข้อมูลจริงแล้วไม่ชนะ พูดทุกรอบ ใส่แม้กระทั่งในสื่อที่แจก หรือออนแอร์ ...แต่ ทุกคนก็จะยังโอโซนๆๆ ถามว่าทำไมยังใช้ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด ผู้ประกอบการว่าคนจำได้แบบนี้ก็ดีต่อการท่องเที่ยว หัวจะปวด ที่มามันคือเขาพบเฟินชนิดหนึ่งที่สถานีวิจัยเขาสะแกราช ที่จะขึ้นได้เฉพาะบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์มาก อันนั้นเลย เป็นจุดเริ่มต้นของ “โอโซน” ใครมันเริ่มใช้คำนี้ก็ไม่รู้ จากนั้นก็ระบาด บ้านสวนโอโซน สัมผัสโอโซน เอาเข้าไป ขึ้นป้ายกันทั้งอำเภอ
รู้กันหมด ผู้ประกอบการยันหน่วยงานราชการ เพราะเราพูดทุกรอบ จนคนบอกว่ารู้แล้ว แต่...จะใช้ ใส่ลงรายงานหน่วยงาน ประชุมอะไรก็จะใช้ข้อมูลเท็จนี่แหละ ตัวเลขสวยด้วย มันดีต่อการแสดงผลงาน
หลังจากนั้นก็คุมไม่อยู่ ระเบิดเถิดเทิง ใช้ไปทั่ว เราพยายามแล้ว แต่ข้อมูลจริงมันไม่ตอบโจทย์ความอยากมีอะไรเด่นๆ ของเขา ข้อเท็จจริงมันขายไม่ได้ ต้องการสร้างจุดขาย ผิดก็เอา มั่วก็เอา
เริ่มประมาณ 20 กว่าปีก่อน อย่างเซ็ง แต่รุ่นหลังๆ เขาก็เชื่องั้นจริงนะคะ เพราะฟังต่อมาเรื่อย ตอนนั้นตั้งคำถามไปหลายรอบ มีคนรู้ว่าไม่มีอะไรอ้างอิง และก็รู้ว่าพูดต่อกันเอง แล้วก็เลยตามเลย เคยถกกันเพราะเรื่องทำป้ายขึ้นว่าเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก เราติงว่ามันไม่ใช่ แต่ป้ายก็อยู่อย่างนั้นจนพังไป และคนก็ใช้เรื่อยมา หลังๆ เริ่มมีเลื่อนอันดับด้วย ดีใจที่ไม่เกี่ยวด้วยแล้ว”