ในการประชุมวุฒิสภา วาระการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกวุฒิสภา (สว.) ที่นายสมชาย แสวงการ เป็นผู้เสนอ โดยที่ประชุมมีมติเห็นด้วย 101 ไม่เห็นด้วย 10 งดออกเสียง 17 ไม่ลงคะแนนเสียง ไม่มี เท่ากับว่าที่ประชุมเห็นควรให้ตั้งกรรมาธิการฯ ชุดดังกล่าวจำนวน 21คน โดยในจำนวนนี้มีรายชื่อคนใน หรือ สว.ที่น่าสนใจ อาทิ นายกิตติ วะสีนนท์ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม นายประพันธ์ คูณมี พลเรือเอก พะจุณณ์ ตามประทีป นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม นายสมชาย แสวงการ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และพลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สำหรับสัดส่วนบุคคลภายนอกผู้ทรงคุณวุฒิ 7คนประกอบด้วย นายคมสัน โพธิ์คง นายเจษฎ์ โทณะวณิก นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ พลตำรวจเอกปัญญา มาเม่น นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ พ.ต.อ.ดร.เพทาย ทัพมงคล และนายพิชัย ชินชัยพงษ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเสนอให้ตั้งกรรมาธิการ 23 คน แต่ต้องยกเว้นข้อบังคับการประชุมที่ต้องมีการลงมติ ด้วยสมาชิกออกจากห้องประชุมไปแล้ว จึงต้องลดจำนวนลงเพื่อจะได้ไม่ต้องมีการลงมติ ทั้งนี้ก็มาที่การชุดนี้จะมีระยะเวลาในการทำงาน 30 วัน
นายสมชาย สรุปก่อนลงมติว่า ยืนยันว่าทำหน้าที่ตราบจนวินาทีสุดท้ายถ้ามีประโยชน์ต่อบ้านเมือง เชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภาทุกคนทำแน่นอน ไม่คิดจะยืดเยื้ออยู่ตามที่ถูกกล่าวหา ตลอดระยะเวลา 5 ปีทำหน้าที่ได้ครบสมบูรณ์ ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะทำหน้าที่โดยชี้เห็นความแตกต่างระหว่าง คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่รักษาการแต่ไม่สามารถให้ความเห็นชอบแต่งตั้ง หรือผูกพันกับการอนุมัติงบประมาณแผ่นดิน ต่างจากวุฒิสภาและองค์กรอิสระที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ตามรัฐธรรมนูญนั้นสามารถทำหน้าที่ได้อย่างครบถ้วน พร้อมขอบคุณสมาชิกที่เห็นด้วย แต่การเห็นต่างก็เป็นเรื่องปกติ และยืนยันว่าไม่มีวัตถุประสงค์ใดๆ ที่จะไปดำเนินการที่จะยืดเยื้อหรืออยู่ต่อหากคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเห็นว่าการเลือกนั้นสุจริตเที่ยงธรรม ก็ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนกรรมาธิการวิสามัญก็ทำหน้าที่เสนอข้อความเห็นทางวิชาการ ข้อปัญหา ตามกรอบ 30 วัน เราก็จะดำเนินการเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ กกต.และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงถ้าจะปรับปรุงข้อกฎหมายระเบียบต่างๆ ในอนาคต
ก่อนหน้านี้ได้เปิดให้ สว. อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่อภิปรายในทิศทางสนับสนุนญัตติดังกล่าว แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่สนับสนุนโดยนายออน กาจกระโทก สว. อภิปรายสนับสนุนว่า ตนมีเรื่องร้องเรียนของ ผู้สมัคร สว. ที่เอ่ยชื่อได้เพราะเขาพร้อมเป็นพยาน คือ นายสงบ จินะแปง บอกว่าในการเลือก วันที่ 26 มิ.ย.เวลา 05.00 น. มีรถบัสและรถตู้มาส่งบุคคลที่จะเลือกระดับประเทศ ที่เมืองทองธานี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฮั้ว เอาเปรียบบุคคลอื่น รวมถึงมีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ กกต. และผู้สมัคร ที่สนทนากับผู้สมัครคนอื่นในวันเลือกระดับประเทศ พร้อมกับเสนอเงินให้ 50,000 บาท เพื่อให้เลือกตนเอง ซึ่งตนพร้อมนำรายละเอียดมอบให้กับกรรมาธิการฯ ที่ตั้งขึ้นให้ตรวจสอบ
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. อภิปรายตั้งข้อสังเกตที่ประกาศรับรอง สว. ชุดใหม่ไม่ได้เพราะมีปัญหามีหลายส่วน เช่นไม่เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม ไม่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย มีคนได้เปรียบเสียเปรียบ เราอยากได้ สว.เป็นกลางทางการเมือง ดังนั้นควรเปิดโอกาสให้ สว.ชุดปัจจุบันได้ศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะถ้า รอให้มี สว. ชุดใหม่ มาศึกษากระบวนการเลือก ก็น่าจะได้ผล ไม่ชัดเจน เพราะคงไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ที่มาของตัวเอง และทำให้ผลการศึกษาไม่รอบด้านไม่เป็นกลาง
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สว. ตั้งข้อสังเกตว่าการเลือก สว. ครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ อยากให้ทุกคนทำ หน้าที่ของตัวเองอย่างดี พร้อมเห็นว่าประเทศไทยชอบเอาเยี่ยงอย่างประเทศอื่นที่ใช้ระบบการเลือก สว.
ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้คอยตักเตือนการอภิปรายของ สว.ที่พาดพิงถึงบุคคลภายนอก พร้อมขอให้ระมัดระวังการอภิปราย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับบุคคลที่ทำหน้าที่ นอกจากนั้นยังไม่อนุญาตให้ใช้สื่อเพื่อประกอบการอภิปรายของผู้เสนอญัตติด้วย