นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) ที่ผ่านมา ว่า หากมองจากคะแนนเสียงที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย สามารถเอาชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เพียงไม่กี่คะแนน นั้น ต้องมองภาพให้ออกว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. ต่างจากการเลือกตั้ง สส. เพราะการเลือก อบจ. การวางแผนเครือข่าย อาศัยนักการเมืองท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่เป็นผู้ทำคะแนนให้ จากผลที่ชนะกันไม่ได้บ่งบอกว่าการเลือก สส. ครั้งต่อไปจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะ สส. จะเป็นการเลือกแบบเขตใครเขตมัน
ทั้งนี้ การเลือกนายก อบจ. ที่ผ่านมา ฝั่งที่ชนะใช้ชื่อพรรคการเมืองและบุคคลสำคัญของพรรคลงไปช่วยทำคะแนน แต่ผู้ที่แพ้การเลือกตั้งเป็นการสมัครแบบอิสระ เพราะฉะนั้นแม้จะชนะการเลือกตั้งแต่ใช้ชื่อพรรคการเมืองและบุคคลสำคัญของพรรคมาช่วย ตนมองว่ายังขาดทุนอยู่ เพราะมันเพียงฉิวเฉียดอยู่ ส่วนการร้องเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งก็ขึ้นอยู่กับคู่แข่งว่าจะไปร้องหรือไม่ ตนเชื่อว่าการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมีการใช้เงินและอิทธิพลจำนวนมาก แต่ กกต. จะมีการเอาจริงเอาจังกับการให้ใบเหลืองหรือใบส้มกับผู้ชนะการเลือกตั้งหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนผลแพ้ชนะที่ออกมาเพียงฉิวเฉียด สะท้อนความนิยมของนายทักษิณชิน วัตร ที่ลดน้อยลงหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า นายทักษิณ ห่างเหินจากการเมืองมาเป็นเวลานาน และการกลับมาหลายอย่างมีการใช้กระบวนการที่คนทั่วไปรู้สึกว่าใช้อภิสิทธิ์หลายเรื่อง ทำให้คะแนนนิยมลดน้อยถอยลง แม้จะใช้ความพยายามในการเดินสาย พยายามสร้างผลกระทบทางการเมืองต่างๆ ขึ้นมา แต่ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น ส่วนตัวมองว่ายังได้ไม่เท่าที่ควร เรื่องนี้นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ต้องกลับไปประเมินว่าหากจะทำการเมืองระดับประเทศให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นที่นิยม วิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นประโยชน์จริงหรือไม่