พายุเฮอร์ริเคนเบริล พัดขึ้นฝั่งเม็กซิโกแล้ว ในวันศุกร์ (5 ก.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่น ลดความรุนแรงลงเป็นระดับ 2 ขณะเข้าสู่คาบสมุทรยูคาทาน ปกคลุมเมืองท่องเที่ยวชายฝั่ง ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ทางการพื้นที่ประกาศมาตรการเฝ้าระวัง
สัปดาห์ที่ผ่านมา พายุเบริลสร้างความเสียหายให้แก่หลายพื้นที่มีผู้เสียชีวิต 11 ราย ในแถบทะเลแคริบเบียน ทั้งในจาเมกา เกรเนดา เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ และเวเนซุเอลาตอนเหนือ
ทั้งนี้ "เบริล" เป็นเฮอร์ริเคนลูกแรกของฤดูพายุเฮอร์ริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งพายุมีความรุนแรงถึงระดับ 5 เมื่อพัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติก และทางการเม็กซิโกเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายฝั่งตั้งแต่ในวันพฤหัสบดี (4 ก.ค.)
ในขณะที่พายุเบริลเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง มีกระแสลมที่ช้าลงเหลือ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของเม็กซิโกยังคงประกาศเตือนภัยในระดับสีแดง ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงในระดับสูงสุด พร้อมแนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้านหรือหาที่หลบภัยที่มีความแข็งแรง คาดว่าพายุจะพัดผ่านอ่าวเม็กซิโกต่อไปยังรัฐเทกซัสของสหรัฐอเมริกา แต่ในระหว่างนี้จะทำให้มีลมแรง ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ความเสี่ยงเหล่านี้อาจคงอยู่ต่อไปตลอดสุดสัปดาห์นี้
ทางการรัฐกินตานาโร ระบุว่า ทุกพื้นที่ของรัฐคือพื้นที่เสี่ยงและขอให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็นทั้งหมด ขณะที่ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก ขอให้ผู้ที่อยู่ในเส้นทางของพายุหาที่พักพิงในที่สูงหรือพื้นที่ปลอดภัยอื่นๆ
ส่วนที่รัฐเม็กซิโกของสหรัฐฯ มีการแจ้งเตือนประชาชนให้อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว คาดว่าพายุจะเข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของรัฐเทกซัสระหว่างคืนวันอาทิตย์ (7 ก.ค.) จนถึงเช้าวันจันทร์ (8 ก.ค.)
แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดพายุรุนแรงในช่วงต้นฤดูพายุเฮอร์ริเคนที่มหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ถึง ปลายเดือนพฤศจิกายน แต่อุณหภูมิของมหาสมุทรที่อุ่นกว่าปกติ 1-3 องศาเซลเซียส ตามข้อมูลของสำนักงานบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) มีส่วนทำให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการเกิดพายุเฮอร์ริเคนที่รุนแรง และนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศเตือนว่า โลกจะมีฤดูพายุเฮอร์ริเคนที่ยาวนานและรุนแรงขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง