นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งระดมกวาดล้างปัญหายาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 3 เดือน ด้วยกลยุทธ์ "ปลุก เปลี่ยน ปราบ" โดยสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เร่งหาวิธีการสอดส่องดูแลอย่าให้ลูกหลานเสพยา และให้โรงเรียนร่วมกันปลูกฝังค่านิยมคุณค่าใหม่ เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับนโยบายขับเคลื่อนนกลยุทธ์ "ปลุก" คือ การปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติดร่วมกับภาครัฐ ป้องกันตั้งแต่ระดับเยาวชนผ่านหลักสูตรในสถาบันการศึกษา เร่งหาวิธีการสอดส่องดูแล ไม่ให้เยาวชนใช้ยาเสพติด และให้โรงเรียนร่วมกันปลูกฝังค่านิยมใหม่ "เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด" โดยสอดแทรกเรื่องโทษของยาเสพติดเข้าไปให้เด็กมีการรับรู้ในชีวิตประจำวัน เช่น การพูดหน้าเสาธงว่าเราจะห่างไกลจากยาเสพติด การให้ข้อมูลเชิงลึก เป็นต้น
นายคารม กล่าวเพิ่มเติมว่า เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดยาเสพติดสูง เนื่องจากเป็นวัยแห่งการเรียนรู้แต่ยังขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ รวมทั้งการเผชิญการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ กระทรวงศึกษาธิการได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง จึงได้วางรากฐานการสร้างภูมิคุ้มกันในสถานศึกษาทุกระดับให้แข็งแกร่ง ผ่านกระบวนการการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาทุกระดับให้มีความรู้เท่าทันกับปัญหายาเสพติด ควบคู่กับการพัฒนาทักษะชีวิตกิจกรรมทางเลือกเชิงสร้างสรรค์ เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนนักศึกษาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งการเสพและการค้าในทุกกรณี ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของชาวกระทรวงศึกษาธิการในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มแข็ง สอดส่องดูแล ช่วยเหลือ ประคับประคอง เฝ้าระวังไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาแพร่ระบาดในสถานศึกษาชุมชนและครอบครัว จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า กระทรวงศึกษาธิการจะสามารถพัฒนานักเรียน นักศึกษาให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา มีความรู้ความสามารถ คุณธรรมจริยธรรมสามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างเป็นสุข