พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผกก.6 บก.ปปป. แถลงความคืบหน้าคดีการทุจริตค่าอาหารกลางวันโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยวันนี้ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน และหัวหน้าสายบริหารงานงบประมาณของโรงเรียนแล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ได้มีการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหา 5 ราย โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันยักยอก และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม" (ป.อาญา ม.352,265,83)
คดีนี้เริ่มเกิดจากมีคณะครูของโรงเรียนดังกล่าวได้เข้ามาที่ ปปป. เพื่อร้องว่า โรงเรียนมีการทุจริตหลายอย่าง ทั้งโครงการอาหารกลางวัน อุปกรณ์เครื่องแบบ และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าโรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนเอกชน และได้ตรวจยึดเอกสารและของกลางจำนวนมากเพื่อมาตรวจสอบ เบื้องต้นพบการทุจริตหลายอย่าง โดยเฉพาะโครงการอาหารกลางวัน โดยเงินนั้นเป็นเงินสนับสนุนของรัฐบาล จำนวนหัวละ 22 บาท ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ป.6 มีการหักหัวละ 5 บาท เหลือเพียง 17 บาทต่อหัว และจำนวนนักเรียนมีมากถึง 1,700 คน อีกส่วนคือเครื่องแบบอุปกรณ์การเรียนมีการทุจริตทุกปี มีการเอาหนังสือเก่าไปให้นักเรียนใช้ กล่าวคือ เมื่อสิ้นปีการศึกษาก็จะให้เด็กนักเรียนเอาหนังสือมาคืนโรงเรียน หากเด็กคนไหนต้องการเอากลับไปอ่านก็ต้องไปซื้อเอง จากนั้นจะแยกว่าเล่มไหนใช้ได้ เล่มไหนใช้ไม่ได้ และรวบรวมไปจัดซื้อส่วนที่ชำรุด และเอาหนังสือเก่ากับใหม่มาคละกัน และแจกให้นักเรียนในปีถัดไป ส่วนงบอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบ หนังสือเรียน มีการนำใบเสร็จรับเงินอุดหนุนให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อ แต่ไม่ได้เงินส่วนนี้ ซึ่งพยานหลักฐานที่มี มีเพียง 1-2 ปี แต่ ผอ.เอง เป็น ผอ.มา 20 ปี เชื่อว่าจะพบว่ามีการทุจริตมากกว่านั้น
ใน 1 ปี พบมีการทุจริตปีละ 1,226,910 บาท ค่าอาหารกลางวัน 968,286 บาท รวมความเสียหายที่เกิดขึ้น 2,195,196 บาท แต่ถ้าพบว่ามีการกระทำผิดมาตลอดระยะเวลา 20 ปี จะเป็นเงินทั้งสิ้น 43,903,920 บาท ซึ่งในเรื่องของค่าอาหารกลางวัน จะนำเรื่องส่ง ป.ป.ช. และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ต่อไป
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ปปป. กล่าวว่า ได้มีการสอบถามผู้ปกครอง ครู และบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้ข้อเท็จจริงว่า มีการให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อ และระบุว่าได้รับเงินตามที่ระบุไว้ในเอกสารไปแล้ว เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับการรับเงิน ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาควรได้รับผิดตามข้อหานั้นจริง