ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า (ข่าว) อ.เจษฎ์ ยืนยัน "ไม่จริง" ดื่มน้ำจากขวดในรถยนต์ หรือที่วางทิ้งไว้กลางแดด ทำป่วยมะเร็ง
กลับมาแชร์กันเป็นวงกว้างอีกครั้ง สำหรับข่าวเตือน "ไม่ควรดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่ทิ้งไว้กลางแดด" โดยอ้างว่าจะมีสารพิษปนเปื้อนออกมา และทำให้ผู้ที่ดื่มเข้าไปนั้นเสี่ยงต่อการป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และได้เคยมีหน่วยงานออกมาชี้แจงไปแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องออกมาให้ข้อมูลต่อประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง ผ่านทางเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant โดยยืนยันว่า "ไม่เป็นความจริง" โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีแหล่งที่มาจากข่าวในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี เมื่อไปเช็กแล้วกลับพบว่าที่มาที่อ้างอิงกันนั้น ไม่ได้น่าเชื่อถือ!
ซึ่งตามรายงานระบุว่า "ซาราห์ ลอว์วัน" ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของอาหาร จากเว็บไซต์เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติก “Storage Box Shop” ของอังกฤษ ออกมาเตือนว่า ไม่ควรดื่มน้ำจากขวดน้ำพลาสติกที่ถูกทิ้งไว้กลางแดดเป็นเวลานาน หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิร้อนจัด เช่น ในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ เพราะความร้อนจะทำให้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ได้แก่ สาร BPA (Bisphenol A) และสาร ธาเลต (Phthalate) หลุดออกมาจากพลาสติกที่ใช้ทำขวด และผสมอยู่ในน้ำดื่ม เข้าสู่ร่างกายจากการดื่มเข้าไปก็จะก่อปัญหาทางสุขภาพ เช่น ทำให้ปวดท้อง, ปวดศีรษะ, เวียนศีรษะ
แต่เมื่อตรวจสอบเว็บไซต์ Storage Box Shop แล้ว พบว่าเป็นเว็บขายของ ขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดต่างๆ และไม่ได้มีบทความของ "ซาราห์ ลอว์วัน" อยู่บนเว็บไซต์นั้น เมื่อกูเกิ้ลเช็คก็ไม่ปรากฏด้วยว่าบุคคลนี้มีตัวตนจริง และเคยทำงานที่ใดมาก่อน มีแต่การกล่าวอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ และสำหรับเนื้อหาที่มีการกล่าวอ้างถึง สาร BPA และสาร ธาเลต ที่บอกว่าจะหลุดออกมาผสมในน้ำดื่ม ถ้าขวดพลาสติกถูกทิ้งไว้กลางแดดเป็นเวลานานนั้น ก็เป็นเนื้อหาข่าวปลอม ที่มีเผยแพร่มานานเป็น 10 กว่าปีแล้ว
จริงๆ แล้ว ขวดพลาสติกที่ใช้บรรจุน้ำดื่มจำหน่ายกันนั้น จะมี 2 แบบคือ ขวดสีขาวขุ่น (ปัจจุบันไม่ค่อยมีเห็นแล้ว) ซึ่งจะทำจากพลาสติกชนิดโพลีเอทีลีน (PE หรือ polyethylene หรือ PE) กับขวดใส (ที่นิยมใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน) ซึ่งทำจากพลาสติกชนิดโพลีเอธิลีน เทเรพธาเลต (polyethylene terephthalate หรือที่เรียกว่า ขวดเพท PET) ขวดทั้งสองชนิดนี้ ไม่ได้มีสาร BPA (หรือ bisphenal A) เป็นส่วนผสมแต่อย่างไร โดยสาร BPA จะใช้ผลิตพลาสติกพวกโพลีคาร์บอเนต (polycarbonate หรือ PC) ต่างหาก และปัจจุบัน ก็มีกฏหมายควบคุมปริมาณของ BPA ในพลาสติก PC แล้ว ดังนั้น จึงตัดประเด็นเรื่องที่จะมี สาร BPA ออกมาปนเปื้อนในน้ำดื่มบรรจุขวด ของไทยเราได้เลย
ส่วนสารธาเลต (Phthalate) ที่เป็นส่วนประกอบของพลาสติกชนิด PET และกังวลว่าอาจจะปนเปื้อนออกมาในน้ำดื่มได้นั้น แต่สารนี้ก็ไม่ได้จะแยกตัวออกจากเนื้อพลาสติกได้โดยง่าย ต้องใช้ความร้อนอุณหภูมิสูงมากและเป็นเวลานาน โดยงานวิจัยในประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.2012 พบว่า ถ้าจะให้ระดับของสารนี้ ละลายออกมาอยู่ในน้ำดื่มบรรจุขวด จนเกินมาตรฐานที่ EU อียู กำหนดไว้นั้น ขวดน้ำดังกล่าวจะต้องตั้งไว้ในที่อุณหภูมิสูงเกิน 60 องศาเซลเซียส นานเป็นเวลาเกิน 11 เดือน!
ซึ่งในประเทศไทยนั้น มาตรฐานของขวดน้ำดื่ม ชนิดขวด PET ที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ ระบุว่า ต้องทนต่อความร้อนจัดตั้งแต่ 60 ถึง 95 องศาเซลเซียสได้ และเคยมีการสุ่มตรวจขวดน้ำ PET กว่า 10 บริษัท และพบว่า ปริมาณของสารต่างๆ ที่ละลายออกมานั้น ไม่ได้สูงเกินมาตรฐานแต่อย่างไร
กล่าวโดยสรุป โดยอ้างข้อมูลจาก อ.ย. กระทรวงสาธารณสุข ว่า "ที่บอกว่า ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่วางตากแดดไว้เป็นเวลานาน ทำให้เกิดเป็นมะเร็งนั้น ไม่เป็นความจริง ดังนั้น ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า การดื่มน้ำจากขวดน้ำดื่มพลาสติกที่เก็บในรถยนต์ที่จอดตากแดด หรือที่ถูกวางตากแดดไว้เป็นระยะเวลานานนั้น ไม่ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ต่อร่างกาย"