วันนี้ (20 มิ.ย.) นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการกองโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวถึงกรณีการรื้อถอนเจดีย์โบราณ 3 องค์ วัดศาลากุล จ.นนทบุรี โดยพระวัดดังกล่าวยอมรับว่าเป็นผู้ดำเนินการ เพราะไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ว่า จากข้อมูล วัดดังกล่าว ไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนโบราณสถาน ซึ่งเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนโบราณสถานจะดูในหลายมิติ ทั้งในเรื่องของคุณค่าทางโบราณคดี ประวัติศาสตร์ ศิลปะ เช่น เป็นสถานที่สำคัญในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เป็นอาคารที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรจะต้องออกไปสำรวจ เพื่อประเมินคุณค่าของโบราณสถาน หากไม่เป็นไปตามนิยามก็ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้
ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ช่วยให้สามารถคุ้มครอง ควบคุม และดูแลรักษาโบราณสถานได้อย่างเต็มที่ เพราะหากจะมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้สภาพของโบราณสถานหรือพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตโบราณสถานต้องเปลี่ยนแปลงไป เช่น การปลูกสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่ การซ่อมแซมบูรณะอาคาร ฯลฯ จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรจะต้องออกไปสำรวจ เพื่อประเมินคุณค่าของโบราณสถาน หากไม่เป็นไปตามนิยามก็ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้
ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ช่วยให้สามารถคุ้มครอง ควบคุม และดูแลรักษาโบราณสถานได้อย่างเต็มที่ เพราะหากจะมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้สภาพของโบราณสถานหรือพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตโบราณสถานต้องเปลี่ยนแปลงไป เช่น การปลูกสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่ การซ่อมแซมบูรณะอาคาร ฯลฯ จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร