กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราวของเจดีย์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ด้านหลังอุโบสถ วัดศาลากุล ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หายไปนั้น
วันนี้ (20 มิ.ย. 67) พระสมุห์ณรงค์ชาญ กนฺตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดศาลากุล เปิดเผยว่า อาตมารู้สึกแปลกใจ ทำไมเขารู้มากกว่าชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ยอมรับว่าเจดีย์ดังกล่าวเป็นของเก่าแก่จริง แต่ทางวัดได้ตรวจสอบกับทางกรมศิลปากรและสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรีแล้ว พบว่าเจดีย์แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในทะเบียนของกรมศิลปกร จึงสอบถามญาติโยมแถวนี้ว่าเป็นเจดีย์ของใคร มีการสร้างให้กับใคร ปรากฎว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของ อาตมาเลยบอกญาติโยมว่าขอรื้อออกเพื่อปรับพื้นที่หลังพระอุโบสถ หลังจากปรับปรุงพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสร้างขึ้นมาทดแทนให้ใหม่ แล้วจะนำวัตถุมงคลเก่าแก่ของหลวงพ่อสุ่นแห่งวัดศาลากุน ซึ่งเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังของวัด มาทำการบรรจุใหม่เพื่อให้ญาติโยมได้กราบไหว้
ส่วนเรื่องที่มีคนเอาไปโพสต์โดยไม่ได้มีการสอบถามทางวัด แล้วไปโพสต์เรื่องที่ไม่เป็นความจริงนั้น อยากถามว่าใครจะรับผิดชอบ ที่ทำให้เกิดความเสียหายเข้าใจผิด
วันนี้ (20 มิ.ย. 67) พระสมุห์ณรงค์ชาญ กนฺตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดศาลากุล เปิดเผยว่า อาตมารู้สึกแปลกใจ ทำไมเขารู้มากกว่าชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ยอมรับว่าเจดีย์ดังกล่าวเป็นของเก่าแก่จริง แต่ทางวัดได้ตรวจสอบกับทางกรมศิลปากรและสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรีแล้ว พบว่าเจดีย์แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในทะเบียนของกรมศิลปกร จึงสอบถามญาติโยมแถวนี้ว่าเป็นเจดีย์ของใคร มีการสร้างให้กับใคร ปรากฎว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของ อาตมาเลยบอกญาติโยมว่าขอรื้อออกเพื่อปรับพื้นที่หลังพระอุโบสถ หลังจากปรับปรุงพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสร้างขึ้นมาทดแทนให้ใหม่ แล้วจะนำวัตถุมงคลเก่าแก่ของหลวงพ่อสุ่นแห่งวัดศาลากุน ซึ่งเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังของวัด มาทำการบรรจุใหม่เพื่อให้ญาติโยมได้กราบไหว้
ส่วนเรื่องที่มีคนเอาไปโพสต์โดยไม่ได้มีการสอบถามทางวัด แล้วไปโพสต์เรื่องที่ไม่เป็นความจริงนั้น อยากถามว่าใครจะรับผิดชอบ ที่ทำให้เกิดความเสียหายเข้าใจผิด