นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งขับเคลื่อนให้จังหวัดน่าน เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม สร้างความเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวกับเมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยกระดับสนามบินน่าน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น พร้อมเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวจังหวัดน่านสู่ระดับสากล สร้างโอกาสเเละรายได้ให้จังหวัดท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ซึ่งมีมติเห็นชอบหลักการในโครงการ "น่านเมืองเก่ามีชีวิต สร้างสรรค์ เมืองแห่งวัฒนธรรมสู่มรดกโลก" ซึ่งมีทั้งหมด 2 โครงการย่อย ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน (สวจ.) กระทรวงวัฒนธรรม จะดำเนินการในปี 2567 นี้ ได้แก่
1. โครงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจประวัติศาสตร์มรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดน่านสู่มรดกโลก
2. โครงการศึกษาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อขับเคลื่อนจังหวัดน่านสู่มรดกโลก รวมถึงเตรียมเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดน่าน เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO)
ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพที่ จังหวัดน่าน เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ร่ำรวยทางศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และมีพื้นที่ร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเคยมีการสำรวจ ขุดค้น และค้นพบข้าวของเครื่องใช้ เช่น เครื่องมือหิน เตาเผาโบราณ บ่อเกลือสมัยโบราณ โครงกระดูกของมนุษย์ยุคโบราณ รวมถึงมีวัดสำคัญต่างๆ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวในข้อสั่งการการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เน้นย้ำถึงแนวทางการเร่งรัดผลักดันให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการมรดกโลกของไทย และกระทรวงวัฒนธรรม เร่งผลักดันให้ จังหวัดน่าน เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่ง ควบคู่กับการยกระดับศักยภาพสนามบินน่าน (ท่าอากาศยานน่านนคร) ให้บินได้ในเวลากลางคืน โดยจะขับเคลื่อนให้เป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง ของ สปป.ลาว เพื่อให้เกิดการเดินทางที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ทั้งหลวงพระบาง และน่าน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเรื่อง 5 Countries 1 Destination ที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงของการเดินทางมาท่องเที่ยว ทั้งไทย และเชื่อมโยงไป สปป.ลาว มาเลเซีย เวียดนาม และกัมพูชา ด้วย
นายชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งมีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะ วัฒนธรรม ผ้าไทย อาหาร ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนและผลักดันจังหวัดท่องเที่ยวที่เป็นเมืองน่าเที่ยวของไทย ให้สามารถชูอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดมาเป็นจุดขาย ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้มาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้มากยิ่งขึ้น เช่น การชิมอาหารท้องถิ่น ซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนภายในจังหวัด เพื่อสร้างรายได้ แก่ชุมชนและจังหวัด ต่อยอดสู่การกระจายรายได้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นถิ่นของพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่