จากกรณีรายงานข่าวพบยอดมนุษย์เด็กวัย 11 ปี คนใหม่ สามารถมองทะลุสิ่งของได้ ตอบถูกหมดแม้อยู่ไกล 100 กิโลเมตร ผู้เป็นพ่อทดสอบโดยการหาผ้ามาปิดตา แล้วให้เดินหรือแม้กระทั่งปิดตาปั่นจักรยาน รวมไปถึงการดูหมายเลขธนบัตร
ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความเห็นถึงประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีนักข่าวโทรมาถามความเห็น และก็อธิบายไปตามหลักวิทยาสตร์ หลักมายากล และประสบการณ์เก่าตอนทำเรื่อง "โรงเรียนพลังจิต PMC Power mind camp " เมื่อสิบกว่าปีก่อน จนคนเลิกเชื่อเรื่องโรงเรียนนั้นไปแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เห็นว่าคำสัมภาษณ์ผมได้ไปออกข่าว กลับกันคือเริ่มมีหลายสำนักข่าวตามไปพิสูจน์กัน และก็ออกข่าวกันว่า "ทำได้จริง" แต่ก็ไม่ได้มีนักข่าวสำนักไหน ติดต่อตนเองให้ไปร่วมพิสูจน์กับเค้าด้วย
ดังนั้น ขอเอาประสบการณ์ตอนพิสูจน์โรงเรียน PMC ที่จุฬาฯ มาเล่าให้ฟังคร่าวๆ โดยสมมติฐานของเราก็คือ เด็กโดนหลอกสอนให้เข้าใจว่าตัวเองมีพลังจิต แล้วให้หลับตาแน่นๆ ก่อนจะผูกผ้ารอบศีรษะ แล้วโดนบอกว่าให้ค่อยๆ ลืมตาภายใต้ผ้า ถ้าเห็นแสงเห็นภาพ นั่นคือ นิมิตที่เกิดจาก "การเปิดตาที่ 3 " สำเร็จ ซึ่งจริงๆ แล้วก็แค่ก็ทำให้เกิด "ช่อง" ขึ้นตรงสันจมูกนั่นแหละครับ ทำให้เห็นภาพได้ แต่พวกเด็กๆ เค้าเชื่อของเค้าจริงๆ ว่านั่นเป็นความสามารถพิเศษ เป็นพลังจิตที่เค้าฝึกมาได้
ในขณะนั้นทาง อ.เจษฎา กับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ รวมทั้งสื่อมวลชน จึงได้เชิญเด็กคนหนึ่งของโรงเรียน PMC มาทดสอบที่ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โดยบอกว่าเราจะไม่เอา "ผ้า" หรืออุปกรณ์ปิดตาใดๆ ของบ้านเค้ามาใช้ทดสอบ แต่เตรียม "ถุงผ้าดำทึบ" และ "หน้ากากว่ายน้ำ ที่พ่นสีดำสนิท" มาให้ใช้แทน และเพียงแค่เริ่มด้นด้วยการใช้ "ถุงดำ" คลุมหัว (รูดปิดปากถุงที่ระดับคอ ให้หายใจได้) น้องก็ยอมรับว่ามองไม่เห็นแล้ว (ไม่ถึงขั้นต้องใช้หน้ากากว่ายน้ำ) ซึ่งก็น่าจะตรงไปตรงมาว่า น้องไม่สามารถมองลอดช่องใต้ผ้า ตรงสันจมูกได้ ดังนั้นถ้าสำนักข่าวไหน จะไปพิสูจน์ "เด็กตาทิพย์" ก็ลองใช้วิธีนี้ได้ ไม่น่าพลาด