นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า สำนึกทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร พลิกเปลี่ยนไปมา หาจุดยืนมั่นคงไม่ได้ ถ้าได้ประโยชน์จากเผด็จการก็ชื่นชมว่าดี หากเสียประโยชน์กลับอ้างตัวตนเป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้นจึงเป็นคนสองบุคลิกกลับกลอกไปมาและทำประชาชนมึนงง เอาแน่เอานอนไม่ได้
โดยกรณีนักโทษทักษิณ บอกคดี ม.112 เป็นการถูกยัดข้อหามาจากพวกผลไม้พิษยึดอำนาจและข่มขู่พนักงานสอบสวน ซึ่งนายจตุพร กล่าวว่า เมื่อวันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลควรตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนคนใด ถูกใครข่มขู่ และต้องดำเนินคดีกับผู้มาข่มขู่ให้ยัดข้อหาหมิ่น ม.112 ด้วย
“ถ้าทักษิณ เป็นนักประชาธิไตย และรังเกียจต้นไม้พิษและผลไม้พิษแล้ว มายอมรับเสียง สว. 152 เสียงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ที่ยึดอำนาจทำไม อีกอย่างการถวายฎีกาในหลวงยังยอมรับกระทำความผิดจริงทำไม บอกสำนึกผิดเพียงต้องการได้พระราชทางอภัยลดโทษเท่านั้นเหรอ ดังนั้น เมื่อเป็นนักต่อสู้จะไปยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่ผิดต้องหัวเด็ดตีนขาดเดินเข้าคุก คนก็ให้ความยกย่อง
นายจตุพร กล่าวว่า นักโทษทักษิณเมื่อได้ประโยชน์ก็ยอมกินผลไม้พิษ แต่เมื่อตัวเองเสียหายกลับร้องบอกเป็นผลไม้พิษ ดังนั้นการพูดเอาแต่ประโยชน์เป็นตอนๆ ไป ไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ดังนั้นการเป็นนักประชาธิปไตยของทักษิณ ได้จบสิ้นลงแล้วตั้งแต่ 22 ส.ค. 66 วันที่กลับบ้านและพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลกับฝ่ายยึดอำนาจ
สิ่งสำคัญ ทักษิณ ยังพูดถึงคนบ้านป่าทำวุ่นวายให้เสียหาย ทั้งที่นักข่าวถามว่า ใช่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือไม่ก็ไม่ตอบ อย่างไรก็ตาม ถ้าคนบ้านป่าทำให้เสียหาย ทำไมไม่ปลดพรรคของคนบ้านป่าออกจากรัฐบาล สิ่งนี้แสดงถึงเป็นคนสองบุคลิก เอาแต่ด้านดีเมื่อได้ประโยชน์จากเผด็จการก็ชื่นชม แล้วมาพลิกเปลี่ยน โดยอ้างตัวเป็นนักประชาธิปไตย ว่ากล่าวให้เสียหายเมื่อตัวเองไม่ได้ประโยชน์
นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ ไปงานบวชที่ปทุมธานีในช่วงมีการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.นั้น คงไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา เพราะคนรับรู้ถึงการเป็นนักประชาธิปไตยจอมปลอมมาตั้งแต่ 22 ส.ส. 66 ที่พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ไปตั้งรัฐบาลกับฝ่ายยึดอำนาจเมื่อปี 57
ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีครั้งนี้ไม่แตกต่างจากการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่เมื่อปลายปี 2563 เพราะทักษิณหักนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ซึ่งเป็นคนตัวเองอย่างไม่ใยดี พร้อมยัดข้อหาย้ายขั้วเปลี่ยนข้างไปถ่ายรูปกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกใช้กำลังยึดอำนาจ
แต่วันนี้ ร.อ.ธรรมนัส เข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แล้วยังนั่งคู่กับทักษิณ ที่เชียงใหม่อีกด้วย ดังนั้น บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายก อบจ.ปทุมธานี จึงมีสภาพไม่แตกต่างจากนายบุญเลิศ ถูกยัดข้อกล่าวหาย้ายข้างเปลี่ยนขั้วมาแล้ว
"เวลายัดเยียดตั้งข้อกล่าวหาเขา แค่ประสงค์จะเอาชนะนายบุญเลิศ จึงเขียนจดหมายยัดข้อหาสารพัด มาครั้งนี้บิ๊กแจ๊สก็เหมือนกัน เคยลงนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย เมื่อสิ้นประโยชน์ก็มองว่าเป็นปัญหา แล้วไปเอาคู่แข่งบิ๊กแจ๊สที่เคยถูกพรรคเพื่อไทยด่าเสียหายมาแล้ว เหมือนที่พรรคยกโขยงไปด่านายบุญเลิศ ช่วงเลือกตั้งที่เชียงใหม่ แต่วันนี้คนละเรื่องกัน คู่แข่งบิ๊กแจ๊สที่เคยถูกด่าเละเทะกลายเป็นคนดี จนประชาชนมึนงง”
นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ จะไปพบอัยการเพื่อนำตัวไปฟ้องศาลคดี ม. 112 ถ้ามาจริงต้องลุ้นจะได้ประกันตัวหรือไม่ แต่การพูดเช่นนี้ของทักษิณเคยพลิกเปลี่ยนมาแล้วเมื่อครั้งไปนครราชสีมาว่า จะไปพบอัยการเมื่อ 29 พ.ค. แต่กลับคำอ้างป่วยโควิด ไม่ได้ไปตามนัด ดังนั้น คำพูดจะไปพบอัยการวันที่ 18 มิ.ย.จึงเป็นการพูดทางการเมืองต่อหน้าประชาชนจำนวนมากมารอรับเท่านั้น ต้องวัดใจกันว่า จะไปจริงหรือไม่ และถ้าจริงแล้วจะได้ประกันหรือไม่
ประเทศไทยต้องมาก่อน