นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เปิดตลาดสินค้าไทยในต่างประเทศ ส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยที่มีศักยภาพไปยังตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดฮ่องกงและจีน ซึ่งตลาด e-Commerce ของจีน สร้างรายได้ถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2564 จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะได้เพิ่มโอกาสทางการค้า และสร้างรายได้จากการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น
รัฐบาล โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ซึ่งพบว่าเขตบริหารพิเศษฮ่องกงมีโนบายสนับสนุนธุรกิจฮ่องกงเข้าสู่ตลาดจีนผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซ ในช่วงเทศกาลชอปปิ้งออนไลน์ของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่จะจัดขึ้นบนช่องทางอี-คอมเมิร์ซในจีน
จึงได้ใช้โอกาสนี้สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้แสวงหาความร่วมมือกับผู้ค้าฮ่องกงที่มีช่องทางและความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย รวมทั้งเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในจีน เพื่อส่งออกและขยายตลาดสินค้าไทยที่มีศักยภาพสู่ตลาดจีนผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ์ได้มากขึ้น
ทั้งนี้ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงมีมาตรการผลักดันสินค้าสู่ตลาดอี-คอมเมิร์ซของจีน โดยกำหนดช่องทางที่เหมาะสมให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก การจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาษี การจัดการด้านโลจิสติกส์และการบริหารคลังสินค้า เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าฮ่องกงไปยังจีน ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะสามารถได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ เพราะตลาดอี-คอมเมิร์ซของจีน เป็นตลาดอี-คอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่สุด สร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2564
โดยไทยสามารถใช้โอกาสจาก FTA อาเซียน-ฮ่องกง เพื่อขยายแนวทางความร่วมมือกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อรองรับการค้าและขยายตลาดสินค้าไทยสู่ประเทศจีน ด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่มุ่งขับเคลื่อนและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสินค้าไทยสู่ต่างประเทศ ประเมินศักยภาพตลาด รูปแบบ ช่องทางที่เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการไทยมากที่สุด