นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท สำหรับงบกลาง หลังคาดการณ์รายได้ภาษีเพิ่ม 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 112,000 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้เงินจาก 3 แหล่งเงิน ได้แก่ (1) การบริหารงบฯ ปี 67 จำนวน 175,000 ล้านบาท (2) การยื่นเงินจาก ธ.ก.ส. 172,300 ล้านบาท และ (3) จัดสรรจากงบฯ ปี 68 จำนวน 152,700 ล้านบาท
การดำเนินการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตต้องลงทะเบียนผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้ทันภายในปีงบฯ 67 เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบฯ เพิ่มเติมปี 67 ได้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน 67 และสอดคล้องตาม ม.21 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ คาดว่าดำเนินการได้ทันภายในปีงบฯ 2567 จึงต้องนำผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ ที่เป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.98 ล้านคน มาร่วมโครงการก่อนในเฟสแรก
การปรับเพิ่มเติมวงเงินงบฯ ปี 67 จำนวน 122,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดปี 67 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเป็น 3.602 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบฯ 66 จำนวน 417,000 ล้านบาท (ร้อยละ 13.1) คาดการณ์รายได้จากภาษีและรายได้อื่น 2.798 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 66 วงเงิน 3.7 แสนล้านบาท สองคล้องกับกรอบวงเงินตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบฯ 68-71) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 และสำหรับงบลงทุนฯ และงบฯ ชำระคืนต้นเงินกู้ มีสัดส่วนอยู่ภายในกรอบที่กำหนดตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เตรียมเสนอที่ประชุมสภาพิจารณา เพื่อบังคับใช้ให้ทันงบประมาณปีนี้