วันนี้ (31 พ.ค.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และเป็นวิทยากรบรรยายถวายความรู้พระสงฆ์ เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนงานระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับคณะสงฆ์ ในการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 ครั้งที่ 1/2567 ตามมติมหาเถรสมาคม ที่ 143/2546 ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยได้รับเมตตาจาก พระธรรมวชิรานุวัตร ดร. เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง พระเทพปวรเมธี รศ.ดร. รองเจ้าคณะภาค 14 รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร พระราชวชิรโมลี รองเจ้าคณะภาค 14 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร พระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี พระมงคลพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พระพิพัฒน์ศึกษากร เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม พระสุพรรณวชิราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี พระสังฆาธิการ พระเถรานุเถระ ร่วมพิธี โดยมี นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการสำนักงาน พระพุทธศาสนาจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่าย ร่วมรับฟัง
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นับเป็นความเมตตายิ่ง ที่มีโอกาสสนองงานคณะสงฆ์ผู้เป็นหลักชัยของสังคมไทย ด้วยการได้รับโอกาสมาเป็นวิทยากรบรรยายถวายความรู้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญยิ่ง เพราะคณะสงฆ์ได้เมตตาเป็นผู้นำร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตของประชาชนในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการทำให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งในประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สังคมไทยมีวัดเป็นที่พึ่ง เป็นศูนย์รวมจิตใจให้กับประชาชน เป็นสถานที่ที่รวมสรรพวิทยาการประดุจดั่ง “ครู คลัง ช่าง หมอ” โดยมีพระสงฆ์เป็น “ครู” คอยช่วยเหลือดูแลอุปถัมภ์ อบรมกล่อมเกลา สั่งสอนให้เราทุกคนเป็นคนดีและมีคุณธรรม มี “คลัง” ประกอบไปด้วยถ้วย ชาม ช้อน หม้อ มีเงินทุนทรัพย์ที่คอยสนับสนุนสังคม มีพระสงฆ์และสามเณรเป็นผู้ช่วยกันก่อสร้างวัด เป็น “ช่าง” ทำงานสถาปัตยกรรม งานก่อสร้าง และยังมี “หมอ” ยาสมุนไพร หรือยาหมอสารพัดนึก ทั้งหมดเป็นความสำคัญของพระสงฆ์ต่อสังคม ในฐานะที่คอยอบรมสั่งสอน คอยดูแลญาติโยม ก่อให้เกิดสิ่งที่ดีงามเกิดขึ้น สังคมไทยจึงอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ เพราะมีพระสงฆ์คอยค้ำจุน หนุนนำความเจริญรุ่งเรืองในทุกมิติ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นับเป็นความเมตตายิ่ง ที่มีโอกาสสนองงานคณะสงฆ์ผู้เป็นหลักชัยของสังคมไทย ด้วยการได้รับโอกาสมาเป็นวิทยากรบรรยายถวายความรู้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญยิ่ง เพราะคณะสงฆ์ได้เมตตาเป็นผู้นำร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตของประชาชนในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการทำให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งในประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สังคมไทยมีวัดเป็นที่พึ่ง เป็นศูนย์รวมจิตใจให้กับประชาชน เป็นสถานที่ที่รวมสรรพวิทยาการประดุจดั่ง “ครู คลัง ช่าง หมอ” โดยมีพระสงฆ์เป็น “ครู” คอยช่วยเหลือดูแลอุปถัมภ์ อบรมกล่อมเกลา สั่งสอนให้เราทุกคนเป็นคนดีและมีคุณธรรม มี “คลัง” ประกอบไปด้วยถ้วย ชาม ช้อน หม้อ มีเงินทุนทรัพย์ที่คอยสนับสนุนสังคม มีพระสงฆ์และสามเณรเป็นผู้ช่วยกันก่อสร้างวัด เป็น “ช่าง” ทำงานสถาปัตยกรรม งานก่อสร้าง และยังมี “หมอ” ยาสมุนไพร หรือยาหมอสารพัดนึก ทั้งหมดเป็นความสำคัญของพระสงฆ์ต่อสังคม ในฐานะที่คอยอบรมสั่งสอน คอยดูแลญาติโยม ก่อให้เกิดสิ่งที่ดีงามเกิดขึ้น สังคมไทยจึงอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ เพราะมีพระสงฆ์คอยค้ำจุน หนุนนำความเจริญรุ่งเรืองในทุกมิติ