ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งรับฟ้องในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 155/2566 ที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการ กสทช.กับพวกรวม 5 คน ได้แก่ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ เป็นจำเลย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 โดยกล่าวหาโจทก์เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2022 ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย และดำเนินการให้มีการเปลี่ยนรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แทนโจทก์โดยมิชอบ
ทั้งนี้ เป็นที่จับตาว่าการประชุม กสทช. ครั้งถัดไปในวันที่ 7 มิถุนายน 2567 จะมีการบรรจุเรื่องดังกล่าว เป็นวาระเข้าที่ประชุมให้ 4 กรรมการ กสทช. หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ มีกรณีที่กลุ่มทรูขอให้ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ กสทช. ในการพิจารณาเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทรูทั้งหมด โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นกลาง หลังจากที่ทรูได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง กรณีที่สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือถึงผู้ประกอบการโทรทัศน์ กรณีการให้บริการของ True ID ซึ่งถัดมาศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งยกคำร้อง และที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 มีมติ 3 ต่อ 4 เสียง ให้ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ดังนั้น หากเรื่องดังกล่าวถูกบรรจุเป็นวาระเข้าที่ประชุม กสทช. และมีการโหวต เสียงข้างมาก 4 เสียงที่เป็นจำเลย ก็จะเป็นเสียงข้างมากที่จะโหวตให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ทั้งนี้ เป็นที่จับตาว่าการประชุม กสทช. ครั้งถัดไปในวันที่ 7 มิถุนายน 2567 จะมีการบรรจุเรื่องดังกล่าว เป็นวาระเข้าที่ประชุมให้ 4 กรรมการ กสทช. หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ มีกรณีที่กลุ่มทรูขอให้ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ กสทช. ในการพิจารณาเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทรูทั้งหมด โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นกลาง หลังจากที่ทรูได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง กรณีที่สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือถึงผู้ประกอบการโทรทัศน์ กรณีการให้บริการของ True ID ซึ่งถัดมาศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งยกคำร้อง และที่ประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 มีมติ 3 ต่อ 4 เสียง ให้ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ดังนั้น หากเรื่องดังกล่าวถูกบรรจุเป็นวาระเข้าที่ประชุม กสทช. และมีการโหวต เสียงข้างมาก 4 เสียงที่เป็นจำเลย ก็จะเป็นเสียงข้างมากที่จะโหวตให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด