นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า แป้ง นาโหนด : จุดกระแสปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย
ผมได้ติดตามข่าวการจับกุม นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด นักโทษชายเด็ดขาดเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราช จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 22 ต.ค. 2566 และถูกจับกุมตัวได้ในวันที่ 30 พ.ค. 2567 รวมเป็นเวลา 222 วัน นับว่าเป็นนักโทษที่หนีจากเรือนจำได้นานที่สุด
การจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนดในครั้งนี้ ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย จะเป็นฝีมือของหน่วยงานใดก็ตาม ต้องชื่นชมว่าเป็นความพยายามในการปฎิบัติหน้าที่จนประสบความสำเร็จ แม้นว่าใช้เวลานานเป็นพิเศษก็ตาม
นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด เป็นนักโทษชายเด็ดขาด ที่ถูกคุมขังอยู่ ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเช่นเดียวกับผม แต่อยู่กันคนละแดน ผมอยู่แดน3 ซึ่งเป็นแดนแรกรับ ส่วนแป้ง นาโหนด ถูกคุมขังในแดน6 ซึ่งเป็นแดนความมั่นคงสูง จึงไม่ได้เจอกันและรู้จักกันเป็นการส่วนตัว
แต่จากการหลบหนีออกจากโรงพยาบาล และได้อัดคลิปแฉความไม่ชอบธรรมของกระบวนการยุติธรรมไทย สร้างผลสะเทือนให้กับกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ นับตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,สำนักงานอัยการสูงสุด,ศาลยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ โดนพาดพิงกันอย่างถ้วนหน้า นับว่าเป็นคุณูปการต่อสังคมไทยได้ไม่น้อย ทำให้สังคมตื่นตัวและมีกระแสเรียกร้องให้มีการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ สร้างความเป็นธรรมให้สังคม มีหลักนิติรัฐนิติธรรมอย่างแท้จริง
แม้ว่าในปัจจุบันยังมีมีการเลือกปฏิบัติ และปฏิบัติ 2 มาตรฐาน สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับนักโทษทั่วไปอยู่ก็ตาม เช่นกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลเดียวในประเทศไทย ที่ทำตัวอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งสังคมไทยกำลังจับตามอง และเรียกร้องให้ดำเนินการต่อนายทักษิณ ตามหลักนิติรัฐนิติธรรมเหมือนกับคนไทยทุกคน
การจับกุมตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ได้ที่ประเทศอินโดนีเซีย และจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น อยากจะให้กรมราชทัณฑ์ได้สอบสวนถึงการหลบหนีว่า มีบุคคลใดเกี่ยวข้อง สนับสนุนหรืออยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถ้าหากมีก็ต้องดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด แต่ถ้าผลการสอบออกมาไม่ได้เป็นความผิดของผู้บัญชาการเรือนจำ คือนายณรงค์ หนูคง หรือเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ก็ควรจะคืนความเป็นธรรมให้กับบุคคลเหล่านั้นด้วย ซึ่งตอนนี้ถูกย้ายออกจากตำแหน่งเดิม ทั้งที่ประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา เมื่อนักโทษหลบหนีจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่เคยมีผู้บัญชาการเรือนจำคนใด ถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งเลย คงมีเพียงครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
จึงขอเรียกร้องให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสหการ เพชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ คืนความเป็นธรรมให้กับผู้ไม่ได้กระทำผิดด้วย