นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้เร่งป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด เนื่องจากเด็กและเยาวชนไทยหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อีกทั้งผู้ผลิตยังมีการดัดแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของบุหรี่ไฟฟ้าให้มีความน่าสนใจ ดึงดูดใจให้บริโภค รวมถึงผสมยาเสพติดประเภทอื่นเข้าไปในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจนทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพ จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 กรมศุลกากรตรวจพบการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าจากประเทศจีน ผ่านการเอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าต้องสงสัยสำแดงชนิดสินค้าในใบขนสินค้าเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด จากภาพการเอ็กซเรย์พบว่ามีความผิดปกติของรูปร่างสินค้า จึงได้ทำการเปิดตรวจตู้สินค้า ตรวจสอบพบเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (หัวพอร์ต) จำนวนถึง 649,430 ชิ้น มูลค่ากว่า 96,897,500 บาท และในวันเดียวกัน กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ได้จับกุมบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยา นำเข้าจากประเทศจีน ไม่ได้มีการสำแดงไว้ในใบขนสินค้าฯ จำนวน 48,600 ชิ้น มูลค่า 5,832,000 บาท
นอกจากนั้น กรมศุลกากรยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นร้านค้าจำหน่ายของผิดกฎหมายแห่งหนึ่ง พื้นที่แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง บุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติมน้ำยา และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 558 ชิ้น มูลค่า 200,000 บาท สินค้าดังกล่าวข้างต้นเป็นของต้องห้ามในการนำเข้า จึงยึดของกลางดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2567 กรมศุลกากรจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 27 ราย ปริมาณ 726,499 ชิ้น มูลค่า 10.7 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 –29 พฤษภาคม 2567 กรมศุลกากรจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 228 ราย ปริมาณ 1,026,971 ชิ้น มูลค่า 147 ล้านบาท และบุหรี่ จำนวน 1,268 ราย ปริมาณ 20,297,272 มวน มูลค่า 122,743,334 บาท รวมทั้งสิ้น 1,496 ราย ปริมาณ 21 ล้านชิ้น มูลค่า 269 ล้านบาท