นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องในขณะที่เป็น สส. เคยเสนอร่างกฎหมาย การใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง และกฎหมายดังกล่าวควรจะมีกฎหมายขึ้นมาควบคุมกัญชา และตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 กัญชาถือว่าไม่เป็นยาเสพติดประเภท 5 แสดงว่าหลังจากนั้นขาย/ครอบครองกัญชาถือว่าไม่ผิด ส่วนคนที่เคยถูกดำเนินคดี ตนเคยไปช่วยหลายคน ใช้กัญชาเพื่อรักษาสุขภาพ หากกลับมาเป็นยาเสพติดก็แปลว่าต้องถูกจับ มีโทษจำคุกด้วย ดังนั้นจึงอยากเรียนว่า มีเครือข่ายหลายภาคส่วนไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ตนมองว่าต้องคิดให้ละเอียด แม้ว่าตนจะอยู่ในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็คิดว่าเราควรมีกฎหมายที่ดีในการควบคุมกัญชา
นายคารม กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ควรจะมีการสำรวจ หลังจากปลดล็อกแล้วจะเป็นประโยชน์มากกว่าหรือไม่ อีกทั้งคนที่ลงทุนไปแล้วจะไปยืนอยู่ตรงไหน ส่วนเรื่องของยาบ้าตนเห็นด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมองว่าแนวทางของพรรคภูมิใจไทยก็คือ ควรจะให้ใช้อย่างระมัดระวัง ข้อดีของกัญชามี เพราะเป็นพืชสมุนไพร หากมองด้วยความรอบคอบก็จะสร้างประโยชน์มากกว่า
ส่วนเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องบาดหมางในรัฐบาลหรือไม่ นายคารม กล่าวว่า คงไม่บาดหมาง ที่จริงแล้วพรรคร่วมรัฐบาลก็จะเอานโยบายของแต่ละพรรคมารวมกันเป็นนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่เรื่องนี้แสดงความคิดเห็นได้ แต่ถ้าสุดท้ายจะเอาอย่างไร ก็เป็นนโยบายของรัฐบาล เพียงแต่เราต้องพูดเพราะถ้าเรากลับไปกลับมา จะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ใช้ ความรอบคอบ เพราะท่านเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ป.ป.ส. เพื่อที่จะได้ใช้ความระมัดระวังกับการที่จะนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด