ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ได้อ่านคำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ คนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นโจทก์ฟ้องพ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ กับพวกรวม 10 ราย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจชุดตรวจค้นจับกุม ว่าปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148และมาตรา 157 โดยโจทก์ในคดีนี้กล่าวในคำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งสิบนาย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสาสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันจับกุมโจทก์ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 896/2566ลงวันที่ 22 ก.ย.2566 และเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 35หมู่ 11 ตำบลมาบแค อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ตามหมายค้นของศาลอาญา ที่ 1151/2566 ลงวันที่ 24 กันยายน 2566 พร้อมแจ้งกล่าวหาว่า โจทก์สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
จำเลยทั้งสิบได้ตรวจค้นจับกุมโจทก์พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน โดยโจทก์ได้โต้แย้งและคัดค้านทรัพย์สินบางรายการไม่ได้เกี่ยวข้องตามข้อหาแต่อย่างใด และทรัพย์บางรายการก็เป็นของใช้ส่วนตัวของโจทก์ และบางรายการก็เป็นของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.แต่จำเลยทั้งสิบคนกลับกระทำการบังคับ ขู่เข็ญ ให้โจทก์จำยอม และบังคับยึดทรัพย์ต่างๆ ไปโดยไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียแก่โจทก์และบุคคลอื่น
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ ประกอบข้อเท็จจริงตามรายงานเจ้าพนักงานคดีแล้ว เห็นว่า คดีมีข้อเท็จจริงที่สามารถวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งให้งดกระบวนพิจารณาที่จะมีต่อไปและยกเลิกนัดกำหนดแนวทางไต่สวนมูลฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสิบได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว การกระทำไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง
ก่อนหน้านี้ชุดตำรวจที่ไปพัวพันคดีเว็บการพนันเเละถูกจับกุมซึ่งเป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นฟ้องชุดพนักงานสอบสวนเเละชุดจับกุมหลายคดีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในศาลอาญาคดีทุจริตฯซึ่งศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องมาโดยตลอด