นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 (ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ก่อนเป็นประธานประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 3/2567 "ฐานเศรษฐกิจสีเขียว และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ" ที่จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 13 – 14 พฤษภาคม 2567
ภารกิจแรกของนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมเทคโนโลยีการกำจัดขยะและการบำบัดน้ำเสีย และปลูกป่าชายเลน ณ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี โดยมีนายเกษม จันทร์แก้ว องคมนตรีและผู้อำนวยการโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วยนายเทอดศักดิ์ บุณยขจร รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาและนายดนุชา สินธวานน์ รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมรับฟังบรรยายสรุปโครงการฯ จากนางอรอนงค์ ผิวดิน เลขานุการโครงการฯ ซึ่งการบำบัดน้ำเสีย จะเป็นการใช้กระบวนการธรรมชาติช่วยธรรมชาติ เมื่อการบำบัดน้ำเสียในขั้นตอนสุดท้ายแล้วจะปล่อยน้ำที่บำบัดแล้วลงสู่ป่าชายเลนและไหลสู่ทะเล ส่วนการกำจัดขยะจะใช้เทคโนโลยีกล่องคอนกรีตใช้กระบวนการจุลินทรีย์ธรรมชาติในการย่อยสลาย
นายเกษม จันทร์แก้ว องคมนตรี กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ริเริ่ม และสำเร็จแล้ว แต่ยังพบว่าปัจจุบันโรงงานส่วนใหญ่ยังนิยมใช้เครื่องยนต์ จึงใคร่จะขอให้นายกรัฐมนตรีนำแนวคิดในการพัฒนาเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 เอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ พร้อมกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาเยี่ยม และใช้เวลามาที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญโครงการพระราชดำริตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ได้ไปเยี่ยมชมตั้งแต่โครงการห้วยฮ่องไคร้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โครงการหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ปลวกแดง จังหวัดระยอง ภูพาน จังหวัดสกลนคร ได้เรียนรู้พอสมควรเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริว่ามีประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างมากมาย วันนี้มีโอกาสมาเยี่ยมชมโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งดำเนินการศึกษาพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ชุมชนแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยธรรมชาติอย่างยั่งยืนคือการบำบัดน้ำเสียโดยวิธีต่างๆ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมเทศบาลเมืองเพชรบุรีที่เอาใจใส่ดูแลการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ได้กว่า 90% ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่แก้ปัญหาน้ำเสียได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีสภาพแวดล้อมที่ดีและยังส่งผลต่อด้านเศรษฐกิจด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายได้เสริมที่เกิดจากการจับสัตว์น้ำมาขายเป็นอาชีพและยังพบว่าความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่มีนกหลากหลายสายพันธุ์ที่หายากมาอยู่ในที่ และขอบคุณองค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี รวบรวมปัญหาน้ำเสียในพื้นที่เพื่อให้กระบวนการบำบัดน้ำเสียของโครงการฯดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพ และขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ นำรูปแบบเทคโนโลยีพัฒนาสิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริไปปรับใช้ตามพระภารกิจที่อยู่ในหน้าที่เพื่อลดต้นทุนการบำบัดน้ำเสียทั้งภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและภาคครัวเรือน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ นั่งรถรางชมภายในโครงการและฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยีเทคโนโลยีธรรมชาติการบำบัดน้ำเสียและการกำจัดขยะชุมชน รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยีเทคโนโลยีธรรมชาติการบำบัดน้ำเสียและการกำจัดขยะชุมชน ก่อนทักทายประชาชนประมาณ 100 คน ปลูกต้นโกงกางใบใหญ่ ที่บริเวณแปลงวิจัยระบบป่าชายเลนบำบัดน้ำเสีย โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ตนปลูกเป็นต้นโกงกางใบใหญ่ เมื่อปลูกไปแล้วอัตราการตายไม่มี แสดงว่าการปลูกวันนี้รอดทุกต้น และที่ตนปลูกทั้งกระถางซึ่งสานจากต้นไผ่ นั้นสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ