นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า โชว์กินข้าวส่อคลุกสารก่อมะเร็งตกค้าง 10 ปี ได้ไม่คุ้มเสียทั้งทางการเมืองและตลาดข้าวแสนล้านต่อปีของประเทศ
อีกทั้งกล่าวว่า แม้มีการอธิบายว่ากินได้ แต่ในทางการตลาดได้สูญสิ้นความเชื่อมั่น ไว้เนื้อเชื่อใจไปแล้ว ดังนั้น การจุดชนวนกินข้าว 10 ปี เพื่อไปลดทอนคดีจำนำข้าว แต่สาระที่ศาลพิพากษาไม่เกี่ยกับข้าวเน่าหรือไม่เน่าหรือกินได้ เพราะคดีนี้ปัญหาการทุจริตมีผลประโยชน์ทับซ้อน
นอกจากนี้ หากการโชว์กินข้าวอาจคลุกสารก่อมะเร็งตกค้าง 10 ปี เพื่อสื่อสารถึงสังคมว่า การระบายข้าวของรัฐบาล คสช.เป็นปัญหา ซึ่งรัฐบาลสามารถดำเนินคดีได้ แต่อย่าลืมว่า แต่อย่าลืมรัฐบาลมาจากไหน ใครให้ สว.152 เสียงบวกกับเสียงพรรคฝ่าย รปห.มาโหวตสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ
อีกทั้งอย่าลืมว่า ข้าวล็อตนี้ถูกประมูลขายมา 3 ครั้งตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2567 แต่ผู้ซื้อปล่อยทิ้งการประมูลยอมถูกฟ้องร้องเป็นคดีในศาล และหน่วยงานรัฐยกเลิกการประมูลก็เกิดขึ้นแล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า การกินข้าวตกค้าง 10 ปี โดยหวังระบายออกตลาดได้เงิน 200-300 ล้าน แต่ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อมูลค่าตลาดข้าวเป็นแสนล้านต่อปี ส่วนผู้ประมูลต้องไปแบกความเสี่ยงเอาเองเมื่อเกิดปัญหาไปขายต่อให้ทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นความคิดแบบคนเห็นแก่ตัว เพราะถ้าข้าวไทยเป็นปัญหา ประเทศยากจะสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนเหมือนเดิมได้เร็ว
ขณะเดียวกันถ้าข้าวหวาดหวั่นคลุกสารก่อมะเร็ง 10 ปีถูกแอบนำมาผสมกับข้าวชนิดอื่นแล้วขายในประเทศ ยิ่งเป็นปัญหาใหญ่หลวง ประชาชนจะระแวงแตกตื่นไปทั่ว และขาดความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวที่จะกินว่า ปลอดภัยจากสารตกค้าง จึงเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
ประเทศไทยต้องมาก่อน