นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับเลือกจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (Fédération Internationale de Football Association) หรือ FIFA ให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สามัญสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ครั้งที่ 74 (74th FIFA Congress 2024) ระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นประวัติศาสตร์ชาติแรกในอาเซียน โดยจะมีสมาชิก FIFA กว่า 211 ประเทศทั่วโลก และนักฟุตบอลระดับตำนานมาเข้าร่วมกิจกรรม เชื่อมั่นว่าจะเพิ่มปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจกว่า 228 ล้านบาท
สืบเนื่องจากการพูดคุยหารือของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับนายจีอันนี อินฟันติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ในห้วงการประชุม UNGA78 ช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างไทย-อาเซียน-FIFA ในอนาคต ขณะที่ FIFA พร้อมสนับสนุนให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้กีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐาน (Grassroots) เพื่อขยายโอกาสและทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาสำหรับทุกคน
นายชัย กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สามัญสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ครั้งที่ 74 (74th FIFA Congress 2024) ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน และเป็นประเทศที่ 5 ในทวีปเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กาตาร์ และ ออสเตรเลีย การประชุมดังกล่าวจะมีสมาชิกของ FIFA เข้าร่วมถึง 211 ประเทศทั่วโลก และยังมีนักกีฬาฟุตบอลระดับตำนานเข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) คาดว่าจะมีผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 3,000 คน ช่วยนำรายได้เข้าประเทศ สร้างผลเชิงบวกทางเศรษฐกิจกว่า 228 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 160 อัตรา ทั้งยังถ่ายทอดภาพกิจกรรมและการประชุมดังกล่าวไปทั่วโลก จึงถือเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะประชาสัมพันธ์ประเทศทุกมิติ ด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทย เพื่อให้ไทยเป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อมั่นจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น
นายชัย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในงานเลี้ยงรับรองผู้บริหารและแขก VVIP ในการประชุมสามัญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ครั้งที่ 74 (74th FIFA Congress 2024) ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 นี้ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียินดีอย่างยิ่งที่ไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจ ความสำเร็จ และประวัติศาสตร์สำคัญของไทย พร้อมขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนในการทำงานร่วมกัน จนทำให้ไทยได้รับโอกาสสำคัญครั้งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไทยมีขีดความสามารถการเป็นศูนย์กลางการประชุมที่รองรับประเทศสมาชิกได้จากทั่วโลก สะท้อนศักยภาพด้านกีฬาและการท่องเที่ยว วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมให้ทั่วโลกรับรู้ ที่สำคัญยังเป็นการดึงดูดความสนใจในกีฬาฟุตบอลของเด็ก เยาวชน และประชาชน ให้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย