นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ เพราะต้องการรักษาหลักการความเป็นคนเอาไว้ แม้พรรคเพื่อไทย จะทาบทามให้เป็นที่ปรึกษาพรรค เชื่อว่าคงรับได้ยากยิ่งเพราะเข้ากันไม่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายปานปรีย์ คนพูดน้อย ไม่โอ้อวด เมื่อลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ ย่อมเป็นปัญหากระทบต่อภาพรวมของรัฐบาลอย่างแน่นอน แม้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ขอโทษ แต่การปลดออกจาก รองนายกฯ โดยไม่บอกกล่าวกัน ในอดีตพฤติกรรมอำนาจเช่นนี้ ได้สร้างความหมางใจมานักต่อนัก ดังนั้น จึงเชื่อว่า ไม่เกี่ยวกับนายเศรษฐาสั่งปลด และไม่แตกต่างที่กระทำกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ถูกปรับออกจาก รมว.สาธารณสุข เช่นกัน
นายจตุพร กล่าวว่า การลาออกจาก รมว.ต่างประเทศอยู่ในความสนใจของสังคมจนทำให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้รับผลถูกกระทบในความรู้สึกที่เป็นปัญหาของสังคม ดังนั้นทางออกของพรรคเพื่อไทยจะทาบทามให้นายปานปรีย์มาเป็นที่ปรึกษาพรรค แต่เชื่อว่า นายปานปรีย์ คงไม่มา เพราะในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศยังไม่อินังขังขอบแล้ว นับประสาอะไรจะสนใจมาทำงานกับพรรคเพื่อไทยอีก
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า บ้านเมืองขณะนี้ ดูเหมือนบริหารด้วยอำนาจจิตผิดปกติ เพราะอธิบายให้สังคมยอมไม่ได้ เอาแต่ดันทุรังสร้างปัญหาไปเรื่อยๆ ยิ่งการปรับ ครม.ล่าสุด นำคนใหม่มาเป็น รมต. แต่เอา นพ.ชลน่าน คนเก่าที่ยอมสละเกียรติภูมิ สส.น้ำดีเพื่อช่วยพรรคเพื่อไทย ออกจากการเป็น รมต. ซึ่งจะอธิบายอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น
"ส่วนกรณีของนายปานปรีย์นั้น ยังมี รมต.ที่มีความเป็นคนเหลืออยู่ตั้งหนึ่งคนใน ครม. ที่ตัดสินใจลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ เมื่อถูกหยามเหยียดศักดิ์ศรีความเป็นคนในตำแหน่ง รมต. จนต้องลาออกมาเป็นคน"
นายจตุพร กล่าวว่า แม้การปรับ ครม.ผ่านไปแล้ว เกิดปัญหารัฐบาลมีเกียรติภูมิเสื่อม แต่เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยยังมีความพยายามจะเข้าไปครอบครองตำแหน่งประธานสภาอีก ดังนั้น ขอให้นายวัน มูหะมัดนอร์ มะทา อย่าลาออกจากตำแหน่งประธานสภา เพราะถ้าไม่ลาออกใครก็ทำอะไรไม่ได้
"นายวันนอร์ อย่ายอมลาออกเด็ดขาด ขอให้อยู่เพื่อรักษาหลักการของสภาเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองเข้าควบคุมเบ็ดเสร็จทั้งฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ อีกอย่างไม่มีหลักการใดมาเปลี่ยนตำแหน่งประธานสภาได้ ปล่อยให้พรรคเพื่อไทยอธิบายด้วยเหตุผลอันน่าขยะแขยงหลอกต้มแย่งชิงมาให้คนของพรรคครอบครองต่อไป แต่ทำอะไรไม่ได้ ถ้านายวันนอร์ ไม่ยอมลาออกเสียอย่าง"
นายจตุพรร่วมอภิปรายกับนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา ถึงการอายัดทรัพย์กว่า 4 หมื่นล้านบาทของทักษิณ ชินวัตร ว่า ศาลฎีกาพิพากษาคดีผ่านมานับ 10 ปีแล้ว แต่ไม่มีหน่วยงานรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามคำตัดสินของศาล ในทางกลับกัน หากเป็นประชาชนถูกอายัดทรัพย์แล้วหน่วยงานรัฐรีบเข้าไปจัดการอย่างเข้มข้นทันที พร้อมเรียกร้องว่า ขอให้ รมว.คลังคนใหม่ ช่วยติดตาม ตรวจสอบ และชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ถึงการอายัดทรัพย์นายทักษิณ ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาด้วย เพื่อความเท่าเทียมและยุติธรรมตามกฎหมายที่บังคับใช้กับทุกคน
นายจตุพร กล่าวถึงนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลังคนใหม่ว่า ประชาชนอย่าหวังให้มาผลักดันดิจิทัลวอลเล็ตได้สำเร็จ เพราะยิ่งพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเชิดชูนายพิชัยมากเท่าใดก็ด้อยค่านายเศรษฐา อดีต รมว.คลังไปตรงกันข้ามว่า ไม่มีฝีมือจึงต้องปลดออกจาก รมต.คลัง เมื่อนายกฯ ไม่มีปัญญาทำให้สำเร็จ แล้วรองนายกฯ จะกล้าทำผิดกฎหมายหรือไม่
"คนที่ผ่านอะไรมามาก รู้ว่าการเมืองไม่มีความผูกพันใดๆ ไม่มีความจีรัง แล้วจะกล้ามายอมตายให้การเมืองเหรอ เขา (นายพิชัย) คงคิดถึงหน้านายบุญทรง (บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์) หรืออดีต รมต. คนอื่นที่ติดคุกอีกหลายคน ดังนั้น การทำงานการเมืองไม่ได้อยู่ที่เก่งหรือมีความสามารถ แต่อยู่ที่ไม่ทำอะไรที่ขัดกับกฎหมาย"
พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่า หากอำนาจการเมืองที่จิตวิปริตไปบีบให้ทำดิจิทัลแบบผิดกฎหมาย นายพิชัยอาจเป็นนายปานปรีย์ 2 ก็ได้ คือ ยอมลาออกรักษาความเป็นคนและเกียรติภูมิอาชีพในอดีตเอาไว้