นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า ปรับ ปานปรีย์ ตั้ง พิชิต “ได้ไม่คุ้มเสีย”
ทุกครั้งที่มีการปรับ ครม.จะมีแรงกระเพื่อมและคลื่นใต้น้ำทุกครั้ง ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็ตาม และบางครั้งเหมือนกับการนับถอยหลังอายุของรัฐบาลเสียด้วยซ้ำไป รัฐบาลที่เข้มแข็งจะปรับครม.น้อยครั้งมาก ในสมัยรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาล มีการปรับครม.น้อยที่สุด และเสถียรภาพของรัฐบาลก็ราบรื่น ไม่มีแรงกระเพื่อมหรือคลื่นใต้น้ำแต่อย่างใด
เมื่อเทียบกับรัฐบาลของคุณเศรษฐา ที่มีอายุเพียง8เดือน ก็มีกาาปรับครม.แล้ว ซึ่งเป็นแนวทางสไตล์ของนายใหญ่ เพราะสมัยคุณทักษิณเป็นรัฐบาล จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีทุก 6 เดือน เก้าอี้รัฐมนตรีกลายเป็นเก้าอี้ดนตรีของบรรดาพวก ส.ส. ใช้ปูมบำเหน็จเป็นการตั้งแบบต่างตอบแทน
การปรับ ครม.ของรัฐบาลเศรษฐาในครั้งนี้ ถ้าคิดผลทางการเมืองถือว่า“ได้ไม่คุ้มเสีย” ที่เห็นชัดๆอยู่2คนคือ
1.นายปานปรีย์ มหิทธานุกร ที่ถูกปรับออกจากรองนายกรัฐมนตรี คงเหลือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว ซึ่งในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องปรับออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีก็ได้ เพราะการควบรองนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้ทำให้จำนวนรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะรัฐมนตรีมีจำนวน 36 คน จะให้ใครควบกี่ตำแหน่ง ก็ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการที่ให้คุณปานปรีย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เสียหาย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปลดตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และไปเพิ่มตำแหน่งให้กับนายพิชัย ชุณวชิร และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งถ้าจะเพิ่มตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีให้ 2 คนดังกล่าวก็ได้ แต่ก็ไม่จำเป็นลดตำแหน่งของคุณปานปรีย์ ให้เสียความรู้สึกกัน
2.นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งตอนนี้มีข้อสงสัยว่า ระหว่างมือกฎหมายรัฐบาลกับมือถือถุงขนมอันไหนเก่งกว่ากัน การตั้งคุณพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุ่มเสี่ยงขัดต่อประมวลจริยธรรม ซึ่งในขณะนี้มีผู้ยื่นให้ตรวจสอบแล้ว กำลังจะเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ การตั้งคุณพิชิต เป็นการตั้งรัฐมนตรีต่างตอบแทนอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นผลดีต่อคุณทักษิณ แต่ไม่เป็นผลดีต่อคุณเศรษฐาอย่างแน่นอน
ถ้าหากรัฐบาลชุดนี้ต้องการมือกฎหมายจริงๆ ก็มี นักกฎหมายหลายคนในพรรคเพื่อไทย ที่พร้อมจะทำงานได้ แต่การย่อมเสี่ยงเลือกคุณพิชิต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แสดงให้เห็นถึงผู้มีอำนาจตัวจริงในการปรับ ครม.คือคุณทักษิณ เพราะถ้าลำพังคุณเศรษฐา เชื่อว่าคงจะไม่ตั้งคุณพิชิต ชื่นบาน ให้เป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม