นายกรัฐมนตรี เชห์บาซ ชารีฟ แห่งปากีสถาน เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า ตัวชี้วัดเศรษฐกิจของปากีสถานกำลังแสดงสัญญาณเชิงบวก การส่งออกและการส่งเงินกลับประเทศเพิ่มขึ้นภายในช่วงเวลา 1 เดือนครึ่ง ที่รัฐบาลของเขาเข้ามาบริหารประเทศ
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของปากีสถานเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ที่ร้อยละ 38 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 และจากวิกฤตดุลการชำระเงินที่เรื้อรัง จำเป็นต้องมีเงิน 24,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อชำระหนี้และชำระดอกเบี้ยในปีงบประมาณหน้าซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 มากกว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางถึง 3 เท่า จึงจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติเงินกู้ระยะยาวอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังคาดว่า จะสามารถมีข้อตกลงระดับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับโครงการใหม่นี้ได้ภายในต้นเดือนกรกฎาคม 2567 และหากประสบความสำเร็จ จะเป็นการช่วยเหลือจาก IMF ครั้งที่ 24 สำหรับปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของปากีสถานเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ที่ร้อยละ 38 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 และจากวิกฤตดุลการชำระเงินที่เรื้อรัง จำเป็นต้องมีเงิน 24,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อชำระหนี้และชำระดอกเบี้ยในปีงบประมาณหน้าซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 มากกว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางถึง 3 เท่า จึงจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติเงินกู้ระยะยาวอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังคาดว่า จะสามารถมีข้อตกลงระดับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับโครงการใหม่นี้ได้ภายในต้นเดือนกรกฎาคม 2567 และหากประสบความสำเร็จ จะเป็นการช่วยเหลือจาก IMF ครั้งที่ 24 สำหรับปากีสถาน