นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์โดยคาดว่า โผล่าสุดการปรับ ครม.จะลดลงมาแค่ปรับเสริม โดย รมต.เก่าไม่ถูกเขี่ยออกสักคน แต่จะเพิ่มคนใหม่ตามโควต้าของพรรคร่วมรัฐบาลให้มานั่งเก้าอี้ รมต.ที่ว่างอยู่ โดยประเมินว่าพรรคเพื่อไทยมีคนใหม่ 2 คนจะเข้ามาเสริมเป็น รมต. คือ นายพิชัย ชุณหวชิร เป็น รมว.คลัง กับ น.ส.จิรพร สินธุไพร เป็น รมต.สำนักนายกฯ ตามโควต้าที่ว่างเว้นอยู่ ส่วน พปชร.ก็เพิ่มคนใหม่เข้ามาในโควต้าว่าง 1 ตำแหน่งเช่นกัน
"นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไม่สามารถปรับใหญ่ได้ เพราะเวลากำลังใกล้หมดแล้ว ดังนั้น การปรับใหญ่ไปก็ไม่ได้อะไร นอกจากความหมางใจกัน แล้วยังถูกเย้ยหยันไม่ว่าเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ดังนั้นใช้ใครไปทำงานท้ายสุดก็ฆ่าเกลี้ยง เหตุนี้นายสุทิน คลังแสง หมอชลน่าน ศรีแก้ว และ รมต.คนอื่นที่เป็นข่าวจะถูกปรับออกก็ยังอยู่กันครบถ้วน"
นายจตุพร กล่าวว่า โผปรับ ครม.ล่าสุดไม่เป็นไปตามคาดจากที่เป็นข่าวฮือฮามา เนื่องจากรัฐบาลไม่คิดการณ์ใหญ่ จึงเชื่อไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่การปรับ ครม.เสริม อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเช่นนี้ของรัฐบาลตระบัดสัตย์ย่อมเอาแน่นอนอะไรไม่ได้กับคนกุมอำนาจที่โลเล ไร้ความแน่นอน ใช้แต่อารมณ์ตัดสินใจตามลมเพลมพัดไป
นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองเหมือนโรงละคร เป็นการปล่อยข่าวแต่ละเรื่องให้อื้ออึงก่อน จึงต่อรองกัน เหมือนข่าวแก้กฎหมายจัดระเบียบกลาโหม แล้วมาตั้งคณะกรรมการศึกษาที่หลัง สุดท้ายไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แค่ส่งสารว่า กองทัพอย่าวอแวกับการเมืองเลือกตั้งนะ
อย่างไรก็ตาม ท่วงทำนองนายสุทิน ในฐานะ รมว.กลาโหมที่ผ่านมาเป็นนักประนีประนอมตลอด และจะมาเป็นยักษ์ขึ้นมาได้อย่างไร ดังนั้น เมื่อมีชื่อ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ (คนสนิท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) มาเป็น รมช.กลาโหม กลับถูกคนที่เรียกตัวเองเป็นเสื้อแดงคัดค้าน อันที่จริงแล้วจะค้านต้องค้านตั้งแต่พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลร่วมกับฝ่ายหนุน รปห. ปี 57 แล้ว
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า พวกหนุนการตระบัดสัตย์ย่อมเลวกว่าพวกตระบัดสิตย์เสียอีก เพราะรู้ว่าพวกตระบัดสัตย์ทำชั่ว ยังไปหนุนอีกจึงเลวกว่า ดังนั้น อย่าพยายามอธิบายถึงคุณงามความดีกันอีก เพราะการไปสนับสนุนพวกผิดคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนย่อมทำลายศักดิ์ศรีนักประชาธิปไตย ซึ่งต่อสู้กันด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชน
"เมื่อเกมใกล้หมดเวลา ใครจะมายื้ออย่างไร ก็อยากดูน้ำหน้าทั้งสองฝ่ายว่า ฝ่ายหนึ่งกล้าแหกดีล อีกฝ่ายจะมีน้ำยากล้าคุมดีลหรือไม่ ถ้าสู้กันจนย่อยยับอีก ประเทศคงโชคร้ายอาจเจอแอ่นแอ๊นอีกเหมือนเดิม"
ส่วนดิจิทัลวอลเล็ต นายจตุพร กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกเอกสารแนะนำให้นำเงิน 5 แสนล้านบาทไปทำโครงการที่ดีกว่าแจกกระตุ้นเศรษฐกิจแบบตำน้ำพริกละลายน้ำ เช่น ทำทุนเรียนฟรี ทำรถไฟรางคู่ สนับสนุนสร้างบุคลกรทางการแพทย์ได้มากเป็นแสนคน เป็นต้น
รวมทั้งกล่าวว่า การกู้เงิน 5 แสนล้านมาแจกนั้น ต้องแบกหนี้ดอกเบี้ยกันมากถึง 3 เท่าตัว ดังนั้น เอกสาร 5 หน้าของ ธปท.แนะนำโครงการการใช้เงินกู้ จึงน่าสนใจกว่าการกู้เงินมาแจก โดยหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจที่สัมผัสได้ยากยิ่ง
นายจตุพร ถามว่า ทำไมต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ตด้วย เมื่อชาวบ้านได้เพียงสินค้าที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อเท่านั้น ไม่ได้ถือเงินหมื่นไปซื้อด้วย จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องเป็นดิจิทัล เพราะสังคมสงสัยการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนผู้ผลิตสินค้าส่งร้านสะดวกซื้อไม่กี่รายเท่านั้น
"เมื่อ ธปท.ทำเอกสารแนะนำเชิงไม่เห็นด้วยกับดิจิทัลและยังสอดคล้องกับเอกสารของ ปปช.ด้วย อีกอย่างเชื่อว่าโครงการนี้จบได้ยาก เพราะไม่มีความพร้อมในการทำโครงการ เพียงแต่มาแถลงข่าวทำโชว์ แต่ไม่มีขั้นตอนปฏิบัติเลย ดังนั้น ถ้าแน่จริงรีบลงมือทำ ถ้ามั่นใจก็ทำ อย่าเอาแต่โชว์ไปวันๆ เท่านั้น”
นอกจากนี้ เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองย่ำแย่เช่นนี้แล้ว รัฐบาลต้องนำประโยชน์ชาติบ้านเมืองมาเป็นใหญ่ เพราะดิจิทัลไม่ได้ก่อประโยชน์ให้ประเทศเลย แค่ทำให้ประชาชนได้สิ้นค้าเล็กน้อย แต่เทียบไม่ได้กับความเสียหายของประเทศที่มีมากมาย
กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. หรือบิ๊กโจ๊กนั้น นายจตุพร กล่าวว่า การแถลงโต้รายวันพุ่งเป้าไปฟาด บิ๊กในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แล้วยังทำให้รู้ว่า นายกฯ ถูกหลอก จึงน่าเห็นใจประเทศที่มีนายกฯ โดนหลอกได้ง่ายๆ ที่สุด แทบไม่เหลือสภาพผู้นำมากอำนาจของบ้านเมืองนี้เลย
"บิ๊กโจ๊กไม่มีอะไรที่จะเหลืออีกแล้ว จึงต้องแลกหมัดกันเต็มที่ เพื่อให้เกิดการเจรจาขึ้น เหมือนกับเป็นคนตายแล้วจึงต้องกราดยิงยิบตา และทยอยออกข้อมูลไปเรื่อยกับพวกที่จะทำลายเขาอีก ดังนั้น หนทางสู้จึงมีแต่การเปิดข้อมูลให้มากขึ้น บ้างที ปปช.อาจตายยกรังด้วยก็ได้ แล้วจะพังเละกันทั้งระบบ ซึ่งเป็นบทเรียนจากการรุกให้คนจนตรอกจึงต้องสู้ชนิดไม่เหลืออะไรเลย”
ประเทศไทยต้องมาก่อน