นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า มติศาลรัฐธรรมนูญ คือบทเรียนของเสียงข้างมากลากไปและทางลงของนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา
ผลมติของศาลรัฐธรรมนูญ 7:0 ไม่รับคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งตีความ เรื่องการทำประชามติการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นบทเรียนให้กับคำว่าเสียงข้างมากลากไป โดยไม่ยึดเหตุผลในการตัดสินใจลงมติ เพราะหลายครั้งในการประชุมรัฐสภา หรือการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายด้วยเหตุผล ไม่ใช่คำตอบของมติ แต่มติที่กำหนดโดยคณะวิปรัฐบาลจะเป็นธงคำตอบ ของผลการประชุมที่ผ่านมา เราเห็นหลายครั้งว่า การใช้เสียงข้างมากลากไป หรือที่เรียกกันว่าเผด็จการรัฐสภาโดยไม่รับฟังเสียงข้างน้อย ซึ่งขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ที่ยึดเสียงข้างมากแต่ต้องพิทักษ์เสียงข้างน้อยด้วย
มีหลายครั้งที่ผ่านมา มติของที่ประชุมรัฐสภาหรือสภาผู้แทนราษฎร คือจุดขัดแย้งที่ชนะคะคานกันด้วยมติเสียงข้างมากลากไป ไม่ได้ใช้เหตุผลในการตัดสิน จึงทำให้การเมืองไปสู่ทางตัน เหมือนกับกรณีการออก พรบ.นิรโทษกรรม แบบสุดซอย ที่ลงมติตอนตี4 จนมีฉายาว่าฉบับลักหลับ แต่ในที่สุดประชาชนทั้งประเทศ ไม่ยอมรับมติดังกล่าว จึงลงมาประท้วง เดินขบวนบนท้องถนน จำนวนนับล้านๆคน จนเป็นที่มาของอำนาจนอกระบบ เข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตย โดยการรัฐประหาร ทำให้บ้านเมืองถอยหลังเข้าคลอง
จึงอยากให้ผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จงเป็นบทเรียนของการทำงานในรัฐสภา และสภาสภาผู้แทนราษฎร ว่าการจะมีมติใดๆ ต้องฟังเหตุผลรอบด้าน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ต้องยึดเอาความถูกต้องเป็นหลัก มิฉะนั้นจะเปิดให้มีการอภิปรายให้เสียเวลาทำไม ถ้าเป็นอย่างนั้นเปิดประชุมแล้วก็ลงมติเลยไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา สิ้นเปลืองค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายงบประมาณของรัฐสภา ซึ่งมาจากภาษีของประชาชนทั้งนั้น
มติของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ น่าจะเป็นทางลงให้กับนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่จะแสดงความรับผิดชอบ เพื่อเปิดโอกาสให้นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว เข้ารับตำแหน่งแทน ตามความต้องการของพรรคเพื่อไทย