xs
xsm
sm
md
lg

“เมฆินทร์”ยันรับไม่ได้เห็นภาพบาดตาคนไทย กรณีนายกฯ รดน้ำขอพร“นช.ทักษิณ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากได้รับการพักโทษว่า ตนมองว่า ตั้งแต่นายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวมาแล้วนั้น ปรากฏว่า นายทักษิณ ได้ปฏิบัติตัวราวกับว่า เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐบาล เพราะเนื่องจากเวลาไปไหนมาไหน ต่างมีรัฐมนตรี ส.ส. ข้าราชการประจำ ต่างเฝ้าแหนพินอบพิเทาเพื่อหวังให้ได้สิ่งที่ตัวเองประสงค์ โดยข้ามหัว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อีกทั้ง ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ตาม ก็ต้องผ่านไฟเขียวจากผู้มีบารมีนอกรัฐบาลเสียก่อน

ดังนั้นนายทักษิณ ถือเป็นกรณีตัวอย่างความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะปล่อยให้มีทั้งเอกสิทธิ์ที่ได้รับเฉพาะตัวและอภิสิทธิ์ที่เหนือกว่านักโทษทั่วไป รวมทั้งยังขัดกับสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ต้องการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส โดยให้เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ดังนั้นตนจึงอยากให้รัฐบาลของนายเศรษฐา คำนึงถึงสิ่งที่ประกาศเอาไว้ โดยจะต้องฟื้นฟูหลักนิติธรรมของประเทศ เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้คนเท่ากันตามหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยขอเรียกร้องให้ดำเนินการต่อนายทักษิณ ตามอย่างนักโทษทั่วไป ไม่ใช่ปล่อยให้มามีอิทธิพลหรือมาจุ้นจ้านในการใช้อำนาจรัฐ เพื่อไม่ให้เป็นขี้ปากของคนทั่วไปว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีตัวจริงเป็นนักโทษผู้ที่ได้รับคำพิพากษาในคดีทุจริตและมีคดีความมั่นคงที่กำลังพิจารณาอยู่ในเวลานี้ด้วย

“ผมเห็นภาพบาดตาบาดใจและสะเทือนความรู้สึกของคนไทยเป็นอย่างยิ่งคือ การที่นายกรัฐมนตรี ไปรดน้ำขอพรนักโทษที่ได้รับการพักโทษอย่างน่ากังขา ซึ่งถือเป็นคำตอบทั้งหมดทั้งมวลว่า รัฐบาลชุดนี้นำกระบวนการยุติธรรมมาบิดเบือนเพื่อรับใช้คนเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่รัฐบาลเอง มีการประกาศว่า จะฟื้นฟูหลักนิติธรรม เพราะเห็นว่าการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือ เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางความคิดและสังคมที่สำคัญของประเทศ แต่นายกรัฐมนตรี กลับไม่ทำตามที่ประกาศเสียเอง ดังนั้น ผมจึงขอยกตัวอย่างกรณีประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีระเบียบวินัยและเจริญก้าวหน้ามากที่สุดประเทศหนึ่ง ซึ่งนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ที่ครองอำนาจมากว่า 30 ปี ได้มีการดำเนินการสอบสวนเพื่อนของเขาที่ถูกกล่าวหาว่ารับสินบน โดยนายลี กวน ยู เห็นว่า 'ชาติสำคัญกว่าเพื่อน' จึงไม่ยอมช่วยเหลือให้เพื่อนของเขาให้รอดพ้นจากการถูกกล่าวหา สุดท้าย เพื่อนที่ถูกกล่าวหาก็ยอมรับผิดและตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประเทศสิงคโปร์เจริญรุ่งเรือง แต่เมื่อกลับมาดูประเทศไทย มีนักการเมืองหนีคดีไปต่างประเทศ 15 ปี ระหว่างนั้น ก็ใช้ความรักความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อตัวเอง มาปลุกระดมเพื่อให้ตัวเองกลับบ้านอย่างเท่ห์ ๆ แล้วพอกลับมาแล้ว ก็ต้องอยู่โรงพยาบาล 6 เดือน ไม่ได้นอนในคุกอย่างคนสูญสิ้นอิสรภาพเพื่อชดใช้ความผิดเลยแม้แต่วันเดียว ประชาชนก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ ด้วยความรู้สึกเหมือนมีคนเอาตีนมาเหยียบหน้ามันเป็นกระบวนการยุติธรรมแบบ 'หน้าไม่อาย' อย่างที่สุด ดังนั้น คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โปรดจดจำและจารึกไว้เลยว่า พวกคุณได้ทำความเลวทรามและต่ำช้านำความเสื่อมทรุดมาให้ประเทศนี้ ซึ่งประเทศใด ที่คนโกงชาติ โกงแผ่นดิน ได้รับความช่วยเหลือไม่ให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง และยังถูกยกย่องสรรเสริญ ทำนายได้เลยว่า ประเทศนั้น จะเจริญรุ่งเรืองช้ากว่าประเทศอื่น เพราะคนในชาติมองว่า กฎหมายสามารถจะละเมิดได้ ถ้ามีเงินและมีอำนาจบารมีที่เพียงพอในการที่จะกระทำแบบนายทักษิณ” นายเมฆินทร์กล่าว