นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในอิสราเอล ว่า ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีการโจมตีอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธจำนวนมากในหลายทิศทางเมื่อ 2 วันก่อน โดยทางการอิสราเอลได้ประกาศเตรียมความพร้อมในการตั้งรับและสกัดการโจมตีดังกล่าว และขณะนี้สถานการณ์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งทางสถานทูตทั้งที่เทลอาวีฟ และเตหะราน ได้ออกคำเตือนคนไทยและนักศึกษาที่พำนักอยู่ทั้ง 2 ประเทศให้ระมัดระวัง เพราะขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สงบและยังไม่เรียบร้อย สถานการณ์จึงยังไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ดังนั้น ที่ไหนที่มีการชุมนุมกัน โรงเรียนก็จะปิด ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก แต่หากหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ควรจะเดินทางไป เพราะเรายังไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น และคิดว่าทางสหรัฐอเมริกาก็เตือนแล้วว่าไม่สนับสนุนในกรณีที่อิสราเอลจะไปตอบโต้ทางประเทศอิหร่าน แต่ก็ยังต้องออกคำเตือนอยู่จนกว่าทุกอย่างจะสงบ
ส่วนสถานการณ์ในเมียนมานั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า ยังคงมีเหตุการณ์ปะทะกันประปรายในพื้นที่เดิม ที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่สอง แต่ก็ไม่ได้ข้ามมาในฝั่งประเทศไทย ดังนั้นเวลานี้ทั้งด่านตรงสะพานมิตรภาพสามารถเดินทางเข้า-ออกได้ตามปกติ และคำเตือนที่เตือนไว้ยังคงมีอยู่ เพราะในฝั่งเมียนมายังไม่สงบ และ 1-2 วันนี้ยังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ซึ่งไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้น แต่จากรายงานล่าสุดจำนวนคนที่จะทะลักเข้ามายังเท่าเดิม การเดินทางโดย Border Pass เข้ามาก็มีปริมาณลดน้อยลงแล้ว ในส่วนที่หนีการปะทะทะลักเข้ามาก็ไม่มี