ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กล่าวถึงเทศกาลสงกรานต์ในวันแรกที่ทุกพื้นที่เปิดให้เล่นน้ำเมื่อวานนี้ ว่า ภาพรวมด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ส่วนภาพรวมการติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น โดยสามวันแรก ระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน 2567 มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตของเทศกาลสงกรานต์ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะการเข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายและประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย เพิ่มวินัยจราจร
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก และขอพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกรณีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ หรือตรวจความเร็วของรถ ซึ่งเน้นย้ำว่าไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่โดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว จะถูกตำรวจจับกุมและดำเนินคดีอย่างเข้มงวด การมีวินัยจราจรและปฏิบัติตามกฎหมาย จะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ได้กำชับในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน เนื่องจากพบว่าบางจุดที่มีการเล่นน้ำใกล้กับรถที่ขับผ่านมากเกินไป เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นควรต้องทำแนวเขตให้ชัดเจน ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยประจำจุดดูแลความเรียบร้อยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ พร้อมประสานกับทางกำนันผู้ใหญ่หรือผู้เกี่ยวข้องอย่าให้เด็กหรือเยาวชนขับขี่รถในช่วงนี้ หากพบเห็นขอให้แจ้งผู้ปกครองมานำรถกลับไป
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ได้กำชับในที่ประชุมเรื่องการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้กับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกให้ตั้งจุดตรวจสกัดและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งให้ดำเนินการเร่งรัดเบิกจ่ายให้ได้เรียบร้อยภายใน 2 สัปดาห์ โดยให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ห้ามทุจริตงบประมาณ ผู้ปฏิบัติงานทุกนายต้องได้รับเงินดังกล่าว อย่าทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกิดความเสียหาย
สำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์สะสมสองวัน 11-13 เมษายน เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 936 ครั้ง ลดลงร้อยละ 12.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตสะสม 116 ราย ลดลง ร้อยละ 10.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บสะสม 968 คน ลดลงร้อยละ 9.19 ส่วนการจับกุมในคดีเมาแล้วขับสะสม 3 วัน รวม 11,854 ราย สถิติสูงสุดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 3,266 คน รองลงมาในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 2,651 ราย
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก และขอพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกรณีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ หรือตรวจความเร็วของรถ ซึ่งเน้นย้ำว่าไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่โดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว จะถูกตำรวจจับกุมและดำเนินคดีอย่างเข้มงวด การมีวินัยจราจรและปฏิบัติตามกฎหมาย จะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตได้
นอกจากนี้ ได้กำชับในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน เนื่องจากพบว่าบางจุดที่มีการเล่นน้ำใกล้กับรถที่ขับผ่านมากเกินไป เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นควรต้องทำแนวเขตให้ชัดเจน ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยประจำจุดดูแลความเรียบร้อยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ พร้อมประสานกับทางกำนันผู้ใหญ่หรือผู้เกี่ยวข้องอย่าให้เด็กหรือเยาวชนขับขี่รถในช่วงนี้ หากพบเห็นขอให้แจ้งผู้ปกครองมานำรถกลับไป
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ได้กำชับในที่ประชุมเรื่องการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้กับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกให้ตั้งจุดตรวจสกัดและดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งให้ดำเนินการเร่งรัดเบิกจ่ายให้ได้เรียบร้อยภายใน 2 สัปดาห์ โดยให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส ห้ามทุจริตงบประมาณ ผู้ปฏิบัติงานทุกนายต้องได้รับเงินดังกล่าว อย่าทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกิดความเสียหาย
สำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์สะสมสองวัน 11-13 เมษายน เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 936 ครั้ง ลดลงร้อยละ 12.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตสะสม 116 ราย ลดลง ร้อยละ 10.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บสะสม 968 คน ลดลงร้อยละ 9.19 ส่วนการจับกุมในคดีเมาแล้วขับสะสม 3 วัน รวม 11,854 ราย สถิติสูงสุดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 3,266 คน รองลงมาในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 2,651 ราย