นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 500,000 ล้านบาท มาจาก 3 ทาง คือ งบประมาณปี 2567 งบประมาณปี 2568 และจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ว่า การใช้เงินจาก ธ.ก.ส. โดยให้ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายไปก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ตามมาตรา 28 ก็คือการกู้ ธ.ก.ส. มาแจกนั่นเอง เป็นการก๊อบปี้วิธีการของโครงการจำนำข้าวมาทั้งดุ้น คือมาจากดีเอ็นเอเดียวกัน เพราะจำนำข้าวก็คือให้ ธ.ก.ส. สำรองเงินไปรับจำนำข้าวจากชาวนาก่อน แล้วรัฐบาลค่อยใช้คืนทีหลัง ซึ่งขาดทุนตั้งแต่นับหนึ่ง เพราะราคาข้าวในตลาดตันละไม่ถึง 10,000 บาท แต่ให้ไปรับจำนำตันละ 15,000 บาท ทุกๆ ตันจึงขาดทุนสะสมไปเรื่อยๆ จนทำให้ขาดทุนรวมไป 6-7 แสนล้าน จนวันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมด เหลือหนี้ค้าง ธ.ก.ส. อยู่อีก 2 แสนกว่าล้านบาท
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะให้ ธ.ก.ส. สำรองแจกไปก่อน จึงมาจากดีเอ็นเอเดียวกัน โดยรัฐบาลจะต้องมีภาระหนี้เฉพาะกับ ธ.ก.ส. เพิ่มอีกตามที่ รัฐบาลแถลง 172,300 ล้านบาท รวมกับหนี้เก่าจำนำข้าว อีก 200,000 กว่าล้านบาท จะทำให้รัฐบาลเป็นหนี้ ธ.ก.ส. เฉพาะ 2 โครงการ ทั้งที่ยังคงค้างอยู่และจะสร้างใหม่ ประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งจนถึงวันนี้รัฐบาลก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีแผนชำระหนี้ เฉพาะหนี้ ธ.ก.ส. ที่จะกู้มาแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างไร และอาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายตามมาอีกว่า แม้เงิน ธ.ก.ส. สามารถเอามาดูแลเกษตรกรได้ แต่ถ้าถึงขั้นเอามาแจกตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการบริโภค จะทำได้หรือไม่ ต้องดูให้รอบคอบ อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย