นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้ติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ บริเวณแหลมหินคม เยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิตในอำเภอเกาะสมุย พร้อมรับฟังปัญหาของกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ และตรวจติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะใน อำเภอเกาะสมุย ก่อนเดินทางไปพบปะประชาชน และเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP ณ สำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมประชุมหารือบูรณาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตลอดจนรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน
นายเศรษฐา กล่าวว่า เกาะสมุยเป็นเกาะที่มีศักยภาพ โดยได้รับการจัดอันดับติด TOP20 ของเกาะที่ได้รับความนิยมของโลกในทุก ๆ รายการที่มีการจัดอันดับเมืองน่าท่องเที่ยว การมาเกาะสมุยครั้งนี้มารับฟังปัญหา เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกาะสมุยสามารถไปถึงศักยภาพที่มีได้ ซึ่งได้ให้ตัวชี้วัด KPI กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้วว่า เกาะสมุยต้องขยับขึ้นไปอยู่ใน TOP10 ของเกาะที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก ให้ได้
นายเศรษฐา กล่าวว่า คนส่วนมากรู้จักสมุยในแง่ของทะเลสวย หาดทรายสวย รอยยิ้มที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวทุกคน แต่ส่วนตัวแล้วเชื่อว่ายังมีสิ่งดีงามที่ซ่อนเร้นอยู่ในเกาะสมุยอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเชิงวัฒนธรรม เชิงศาสนา หรืออาหารการกิน จึงได้ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้ว่า ททท. ช่วยกันนำสิ่งที่นักท่องเที่ยวยังไม่เห็น ออกมาโปรโมทให้มากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ไม่ใช่มาอยู่แค่ 2-3 วัน แต่มาอยู่ยาวขึ้น ซึมซับวัฒนธรรม ลิ้มรสอาหาร และสัมผัสสิ่งที่ดีงามต่าง ๆ ของเกาะสมุย
อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาหลายอย่างในพื้นที่เกาะสมุย ได้แก่ ปัญหาเตาเผาขยะชำรุด ไม่สามารถเผาขยะได้ ส่งผลให้เกิดปริมาณขยะสะสมในเกาะสมุยถึง 300,000 ตัน โดยได้นำเข้าไปบริหารจัดการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 150,000 ตัน ยืนยันว่าขยะอีก 150,000 ตันนี้จะต้องถูกบริหารจัดการไปด้วย ทั้งนี้ ถ้าการพัฒนาจังหวัดสุราษฎร์ธานีหรือเกาะสมุยเป็นไปตามที่เสนอ เชื่อว่าปริมาณขยะต่อวันในเกาะสมุยจะเพิ่มขึ้นเป็น 300 ตันต่อวัน จากปัจจุบันมีประมาณ 150 ถึง 200 ตันต่อวัน จะต้องมีแผนระยะยาวในการบริหารจัดการขยะในเกาะของตัวเอง โดยการทำโรงเผาขยะ ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถเผาขยะได้วันละไม่ต่ำกว่า 300 ตันต่อวัน และอาจผสมผสานไปกับการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีให้กับประชาชนชาวเกาะสมุย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการกรมทางหลวงให้นำแผนงานที่เคยเสนอในอดีตกลับมาดูใหม่ แต่ต้องดำเนินการด้วยความละเอียดอ่อนและระมัดระวัง เนื่องจากมีเรื่องของการเวนคืนหรือการขออนุญาตพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องประสานงานกับหลายหน่วยงาน แต่ขอให้มั่นใจว่าทั้งหมดเป็นไปเพื่อการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ดียิ่งขึ้น รองรับการยกระดับเกาะสมุยไปเป็นเกาะระดับโลก
ส่วนการขนส่งสินค้าเกษตรจากพื้นที่เกาะสมุยเข้าไปเมือง ประสบปัญหาความยากลำบาก เนื่องจากจำนวนเที่ยวเรือมีน้อย ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าขยายเวลาในการเดินเรือเพื่อเพิ่มจำนวนรอบของการเดินเรือให้มากขึ้น
ด้านการลงทุนท่าเรือสำราญซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ และเอกชนหลายรายให้ความสนใจต่อการลงทุนท่าเรือนี้ เพราะหากมีท่าเรือก็จะสร้างความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว และจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งตนได้เสนอให้มีเครื่องบินทางน้ำ เพิ่มความหลากหลายในการเดินทาง โดยสั่งการให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมบรรจุเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ได้ก่อนสิ้นปี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวเกาะสมุย
ด้านการคมนาคมในส่วนของสนามบิน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับเอกชนเจ้าของสนามบินแล้ว ถ้าหากมีการขยายสนามบินได้ จะทำให้เกาะสมุยสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้อีกมาก โดยเราให้ความสำคัญและทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน เพื่อทำให้มีจำนวนเที่ยวบินมาลงด้วย ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงพี่น้องประชาชนชาวสมุยในเรื่องสภาพแวดล้อมที่ต้องพยายามช่วยกันทำต่อไป
“ผมจะกลับมาเยือนเกาะสมุยอีกครั้งในช่วงปลายปีเพื่อติดตามความคืบหน้า ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น หากเราทำท่าเรือสำราญ เรื่องมารีน่า และ Sea plane terminal แล้ว ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ก็ควรให้เอกชนมาประมูลทำ Duty Free ด้วย เพราะการทำ Duty Free จะมีการนำผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นเมืองไปขายได้ ทำให้ทุกคนมีรายได้ที่สูงขึ้น” นายเศรษฐากล่าว