นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเกาะสมุย) และจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6-8 เมษายน 2567 เพื่อติดตามงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาล ภารกิจแรกของการตรวจราชการครั้งนี้ เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนนตรี ได้ติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ บริเวณแหลมหินคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายกรัฐมนตรีได้รับทราบภาพรวมการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) จากอธิบดีกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันที่มุ่งเน้นวางแผนพัฒนาท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ เพื่อรองรับนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกาะสมุย โดยการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญเป็นอีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตสูง
สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) เป็นการลงทุนแบบ PPP มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยเรือสำราญขนาดใหญ่ การยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทย และส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน จากผลการศึกษาโครงการของกระทรวงคมนาคม โครงการฯ มีขนาดพื้นที่รวม 47-38-6 ไร่ (1. พื้นที่บนชายฝั่ง มีขนาดพื้นที่รวม 15-1-23 ไร่ 2. พื้นที่นอกชายฝั่ง มีพื้นที่รวม 32-1-38 ไร่) มูลค่าการลงทุน ค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาโครงการ รวม 12,172 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการฯ พ.ศ. 2568 - 2062 (โดยขั้นตอนและระยะเวลาการเสนอโครงการปี 2567 - 2570 ก่อสร้างปี 2570-2572 และให้บริการ 30 ปี ตั้งแต่ ปี 2572-2602)
ทั้งนี้ ผลประโยชน์ โครงการฯ จะได้รับคือ สามารถรองรับนักท่องเที่ยว 180,000 คนต่อปี รองรับเรือ Cruise 120 เที่ยวเรือต่อปี และนักท่องเที่ยวใช้จ่าย 5,000 บาทต่อคน รวมรายได้จากการคาดการณ์รายได้ของโครงการตลอดระยะเวลาโครงการ มีมูลค่า 8,504 ล้านบาท สัดส่วนของรายได้โครงการแบ่งเป็นรายได้จากท่าเทียบเรือร้อยละ 91 ของโครงการและรายได้เชิงพาณิชย์ร้อยละ 9 ของโครงการ
ภายหลังการรับฟังโครงการพัฒนาการขนส่งทางน้ำในจังหวัดสุราษฎร์ฯ และโครงการก่อสร้าง Cruise Terminal แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากดูตัวเลขสถิติเรือสำราญที่เข้ามา ปีนี้น่าจะเป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาสมุยสูงสุด พร้อมสอบถามถึงความต้องการของประชาชนชาวสมุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับความต้องการที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในเกาะสมุยเพิ่มขึ้นหรือไม่ และไม่มีประเด็นอะไรที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับคำตอบว่าผู้นำท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และประชาชน ต่างยินดีและสนับสนุนที่จะให้มีโครงการ Cruise Terminal เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนเกาะสมุยได้มากขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามจากการศึกษาโครงการนี้ มีผู้ให้ความสนใจมากน้อยเพียงใด โดยอธิบดีกรมเจ้าท่ากล่าวว่า มีผู้ประกอบการต่างประเทศที่สนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนเกี่ยวกับเรือ Cruise ที่สมุยด้วย รวมถึงบางกอกแอร์เวย์ส (BA) ก็มีความสนใจที่จะนำเรือกับเครื่องบินเชื่อมกันด้วย ทั้งนี้ นายกฯ ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการที่อยากจะให้ทำมารีน่า และเครื่องบินทะเล (sea plane) ด้วย เพื่อให้เครื่องบินจากเกาะต่างๆ หรือเกาะบริเวณใกล้เคียงบินมาลงจอดได้ ซึ่งจะเป็นการดำเนินการอย่างครบวงจร โดยการดำเนินการที่นี่เพื่อยกระดับเกาะสมุยให้เป็นระดับโลกจริงๆ โดยขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยกระดับเกาะสมุยให้เป็นระดับโลกด้วยการตั้ง KPI ให้เป็น Top10 ของโลก พร้อมกำชับกระทรวงคมนาคม นำโครงการ Cruise Terminal เข้า ครม.ก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวสุราษฎร์ฯ ต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางต่อไปที่แปลงทุเรียนสาธิตสวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังปัญหาของกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ผู้ปลูกทุเรียนใน ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย