นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ พร้อมด้วยนายปกรณ์ มหรรณพ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมแถลงข่าวเปิดศูนย์ปฏิบัติงานคณะกรรมการต่อต้านข่าวเท็จ หรือ ศูนย์ Fake News โดยนายฐิติเชฏฐ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ศูนย์ดังกล่าวเปิดขึ้นมาตั้งแต่ที่มีการเลือกตั้งปี 2562 สามารถตรวจจับข่าวปลอมที่มีมาก โดยในช่วงการเลือกตั้งมีประมาณ 100 ข่าว พอหลังเลือกตั้ง มีประมาณวันละ 10 ข่าว อย่างไรก็ตาม เรามีการตรวจสอบพร้อมดำเนินคดี กับผู้ที่ปล่อยข่าวปลอมเหล่านั้น ทำให้ในการเลือกตั้งปี 2566 ปัญหาข่าวปลอมข่าวเท็จมีปริมาณลดลง และเนื่องจากขณะนี้กำลังจะมีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จึงคาดว่าจะมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีให้ข้อมูลอันเป็นเท็จอย่างแน่นอน จึงมีการเปิดศูนย์ Fake New ขึ้นมาเป็นครั้งที่ 2 เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ข้อมูลข่าวเท็จ จากผู้ไม่หวังดี โดยมีการใช้โปรแกรมจับข่าวเท็จ ซึ่งเป็นโปรแกรมพิเศษที่สามารถตรวจจับข่าวที่มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นข่าวใต้ดิน หรือจากอวตาร ซึ่งเราก็ให้ความสนใจเพราะคนเหล่านี้ไม่เปิดเผยข้อมูลตัวตน แต่เราจะร่วมกับตำรวจไซเบอร์ ในการตรวจจับและขุดคุ้ยมาดำเนินคดี จัดการให้หมดสิ้น เบื้องต้นมีคณะกรรมการ 9 คน และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ 5 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่เราฝึกให้มีการใช้โปรแกรมดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ยืนยันว่าข่าวที่ออกมาจะต้องมีการตรวจสอบและตอบโต้ทันทีไม่ให้ข้ามวัน หากเกิดขึ้นนอกเวลาราชการก็จะเรียกประชุมกรรมการและแก้ไขข่าวทันที
ด้านนายปกรณ์ กล่าวว่า สำหรับการคัดเลือก สว. ในปีนี้ ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะมีจำนวนผู้สมัครในระดับอำเภอ มากน้อยแค่ไหน จากจำนวนทั้งหมด 928 อำเภอ แต่สิ่งที่เราจะพบแน่ๆ จะมีคนสมัครอยู่ 2 ประเภท คือ สมัครเพื่อที่จะเข้ามาเป็น สว. จริงๆ กับสมัครเพื่อที่จะใช้สิทธิ์ในการเลือก สว. ซึ่งประเภทที่ 2 เราจะต้องจับตามองอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม จะเห็นภาพชัดเมื่อเข้าสู่การคัดเลือกในระดับจังหวัด ซึ่งจะเหลืออยู่ประมาณ 50,000 คน ก่อนจะขึ้นมาในระดับประเทศเหลือประมาณ 3,000 คน ซึ่งจะมีการเลือกให้เหลือ 200 คน และสำรองอีก 100 คน นี่คือสิ่งที่เราจะต้องบริหารจัดการให้ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของคุณสมบัติ และการใช้สิทธิ์ ซึ่งในวันที่ 2 เมษายนนี้ จะมีการพิจารณาเรื่องบัตรเลือก สว. ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะการเลือกไขว้ตั้งแต่ระดับอำเภอจนถึงจังหวัด ยังไม่รู้ว่าในจำนวน 5 กลุ่มที่จะถูกแบ่งเป็น 1 สายนั้นจะประกอบไปด้วยกลุ่มใดบ้าง โดยกลุ่มแรกจะเลือกตัวเองและคนในกลุ่มไม่ได้ เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าเราจะต้องทำบัตรเลือกตั้งสำหรับคน 4 กลุ่ม ซึ่งบัตรเลือก สว. ทุกอำเภอจะต้องทำให้มีความสอดคล้องกัน
นายปกรณ์ ยังกล่าวว่า การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะลักษณะต้องห้าม 26 ข้อ ยกตัวอย่าง การถือหุ้นในกิจการสื่อฯ แม้เพียง 1 หุ้น ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีการวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานว่า ผิด ดังนั้นถ้าจะให้ดี กรณีที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ ผู้สมัครก็ไปทำตัวเองให้สิ้นสงสัย เพราะหากมีปัญหา จะต้องมีการส่งศาลฎีกา ส่วนศาลฎีกาจะมีการวินิจฉัยออกมาอย่างไร เราไม่อาจก้าวล่วง แต่ กกต.ยินดีที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ทั้งนี้ ทางศูนย์จะมีการตรวจสอบหรือจับตา เน้นในกลุ่มนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการจับตากลุ่มใดเป็นพิเศษ แต่จะดูข้อมูลข่าวสารที่มีการนำเสนอในภาพรวม หากเป็นข้อมูลเท็จ ก็จะมีการตรวจสอบและออกมาแก้ไขอย่างทันท่วงที แต่หากข้อมูลการสื่อสารของกลุ่มต่างๆ ไม่ใช่ข้อมูลเท็จ เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต แต่อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดเล็กน้อย เราก็จะไม่เข้าไปแตะต้อง ถ้าถามว่าตอนนี้มีการปล่อยข่าวเท็จออกมาแล้วหรือไม่ เรื่องนี้เรายังไม่สามารถประเมินได้
เมื่อถามถึงมาตรการรับมือกับการล็อคโหวต นายปกรณ์ กล่าวว่า เราได้วางกำลังอย่างเข้มข้น โดยส่งพนักงานไปทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบไม่ให้เกิดการฮั้ว
ขณะที่นายฐิติเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดภาพการรับจ้างเลือกคนใดคนหนึ่ง หากมีการตรวจสอบพบ กระบวนการสมัครเข้ามาเพื่อเลือกคนฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย และ กกต.จะดำเนินคดี ส่วนผู้ที่จะลงสมัคร สว. ก็ต้องเคลียร์ตัวเองให้ชัดเจนในเรื่องของคุณสมบัติ อย่างการถือหุ้นสื่อแม้เพียง 1 หุ้น ก็ถือว่ามีความผิด ก็ไปจัดการโอนหรือขายออกให้หมด