รศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ระบุว่า เตือนแล้วเตือนอีก ว่าห้ามเอา "ว่านจักจั่น" มากินกันครับ มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับสารพิษ จากเชื้อราที่โตอยู่ในซากของแมลงนั้น อาจถึงตายได้
ล่าสุด เสียชีวิตที่ลำพูนไปอีก 1 ราย ป่วยหนักอีก 3 จากการกินว่านจักจั่นครับ
(ข่าว)ห้ามกินเด็ดขาด ‘ว่านจักจั่น’ อันตรายถึงตาย ชาวบ้านขุดพบ-เก็บปรุงอาหารทาน อาการหนัก อาการรุ่นแรง ดับ 1 คน ป่วยหนัก 3 ราย
28 มี.ค. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงาน รพ.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน พบว่ามีชาวบ้านขุดว่านจักจั่นนำมาทำอาหารรับประทาน
จากนั้นมีอาการซึมลง เกิดอาการเกร็ง อ่อนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียนอาเจียน ตากลอกไปมา ปวดเมื่อยทั้งตัว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขณะนี้ป่วยแล้ว 3 รายในเวลาเดียว โดยรับประทานแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้ ว่านจักจั่น ไม่ใช่พืชที่กินได้ แต่คือจั๊กจั่นที่ตายจากเชื้อรางอกในตัวจักจั่น อาการที่เกิดขึ้นมาจากพิษของเชื้อรานี้ ไม่มียาแก้พิษโดยตรง ต้องรักษาตามอาการแบบประคับประคอง
จึงแจ้งเตือนและช่วยกันรณรงค์ให้ความรู้แก่ชาวบ้าน ที่เข้าใจผิดคิดว่า เชื้อราที่ติดงอกจักจั่น คือของดีมีประโยชน์ แต่มันคือเชื้อราที่อันตรายกินเข้าไปเกิดอาการแพ้อย่างรุสแรงถึงตายได้ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก
สำหรับ ว่านจักจั่น คือ ซากตัวอ่อนของแมลงที่ชาวล้านนาเรียกว่า “แมงอิจ้า” ที่เสียชีวิตขณะฟักตัวอ่อนอยู่ในดิน แล้วติดเชื้อรา มันไม่ใช่พืชที่อยู่ด้านบนหรือด้านล่างของดินแต่อย่างใด ส่วนตัวที่ไม่ตายจะออกจากดินในช่วงกลางคืนไต่ขึ้นมาลอกคราบกลายเป็นจักจั่น หรือ แมงอิจ้า ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ที่ชาวบ้านออกจับมาบริโภค หรือ จับมาขายสร้างรายได้ในราคาตัวละ 1 บาท