นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การเมืองเริ่มมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ขึ้นในหลายระดับ แต่สิ่งที่น่าจับตาจะเกิดการเบี้ยวดีลกลับบ้านหรือไม่ รวมทั้งการอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติของ สว.ในวันที่ 25 มี.ค.นี้จะยกประเด็นมาเชือดการทำหน้าที่บกพร่องของรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหนด้วย
นายจตุพร เชื่อว่า การอภิปรายทั่วไปของ สว.นั้น จะมีความน่าสนใจ เพราะมีประเด็นอภิสิทธิ์ชนและกรณีจริยธรรมของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เมื่อครั้งทำธุรกิจบ้านจัดสรรที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดประเด็นเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังอภิปรายถึงการแต่งตั้ง ผบ.ตร. การสั่งให้มาช่วยราชการ รวมทั้งการแต่งตั้งผู้กำกับใหม่ที่นายกฯ พูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย และขาดไม่ได้คือ การอภิปรายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ลับ ลวง พราง จากการดีลกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร เพราะดูเหมือนการได้พักโทษ และมีการเคลื่นไหวอิสระไปเชียงใหม่ แล้ว 26 มี.ค.จะไปพรรคเพื่อไทยนั้น ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้บอกอาการการเคลื่อนไหวจะมานำทัพต่อสู้อีกครั้งหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การดีลที่แสดงออกแบบอิสระก็ยังถูกควบคุมตัวให้อยู่ภายในประเทศอยู่ดี ถ้าเบี้ยวดีลย่อมถูกจัดการได้ง่ายขึ้น
“ดีลเมื่อได้มาแล้ว คู่ที่ดีลด้วยไม่ได้วิตกกังวลอะไรเลย เพราะขนาดมีเสียง สส. 377 เสียง มีสมาชิก 14 ล้านคนก็ถูกจัดการอย่างราบคาบมาแล้ว เมื่อดีลกลับบ้านต้องแลกด้วยวิกฤตศรัทธา แล้วลามถึงกระบวนการยุติธรรมต้องเสียหายอย่างมากมายอีก ดังนั้นการดีลซึ่งเสมือนให้อิสระ แต่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมด้วยกฎหมายอยู่ดี”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อทักษิณ กลับมาอยู่ในการควบคุมแล้ว จะให้ไปไหนก็ได้ภายในกรอบที่กำหนดไว้ แต่จะออกนอกประเทศไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ดีลนี้มีการการันตีไว้ คือเอาตัวมาควบคุม แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ยินว่า จะมีดีลใหม่เกิดขึ้นอีก
"ถ้าจะมีการขยายข้อตกลงที่ผ่านมานั้น จะดูน้ำหน้าคนที่ดีลกันไว้ ทั้งที่คนดีลอีกฝ่ายต้องการจะให้เบี้ยวดีล เขาจะได้จัดการอย่างไรก็ได้ในข้อกฎหมายต่างๆ ดังนั้นใครคิดว่าชนะแล้ว ก็เชื่ออย่างนั้นไปเถอะ เพราะคนที่ถูกเบี้ยวดีล จะเลือกเวลาที่อีกฝ่ายกลับหลังไม่ทันจึงจัดการ แล้วจบไม่สวยเลย”
นายจตุพร กล่าวว่า ผู้ที่ถูกเบี้ยวดีลนั้น ไม่ได้กังวลว่า สว.จะหมดวาระ 11 พ.ค.แล้ว โดยช่วงเวลาที่น่าจับตาอย่างยิ่งคือ สิ้นเดือนมีนาคม หากยังไม่มีการขยับอะไรเกิดขึ้น ต้องรอไปถึงวันที่ 10 เมษายน ถ้ายังนิ่งอีก หลังสงกรานต์จะเกิดความย่อยยับขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง
ส่วนพรรคก้าวไกลนั้น นายจตุพร เชื่อว่า คงถูกยุบพรรค หากศาล รธน.รับพิจารณาคำร้องแล้ว อาจสั่งให้กรรมการบริหารพรรคหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ก็มีความเป็นไปได้ นอกจากนี้ สส.หรือที่เรียกว่า งูเห่าจะแยกตัวออกไปอยู่พรรคใหม่ แม้พรรคก้าวไกลได้เตรียมตั้งพรรคก้าวใหม่ไว้รองรับแล้วก็ตาม
ประเทศไทยต้องมาก่อน