สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงกรณีมีผู้ร้องเรียน กกต. ให้พิจารณาส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย จากกรณีรับเงินบริจาค หจก. บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ที่หลายคนมองว่าพรรคภูมิใจไทยต้องถูกยุบ และกล่าวหา กกต.เลือกปฏิบัติระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกล ว่าเหตุใดพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนทีหลัง กกต.กลับยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างรวดเร็ว ทั้งที่พรรคภูมิใจไทยถูกร้องเรียนเข้ามาก่อน
กกต. ชี้แจงว่า ทั้ง 2 พรรคการเมืองนั้น ถูกร้องเรียนกันคนละประเด็น และใช้คนละมาตรา โดยในส่วนของพรรคก้าวไกลนั้น จะใช้มาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วย พรรคการเมือง ซึ่งเหมือนกรณีพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งมีคนพิพากษามาแล้ว คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการประชุมกว่า 62 ครั้ง และชี้มาให้เห็นแล้ว ส่วนพรรคภูมิใจไทย จะใช้มาตรา 93 ต้องใช้เวลา เพราะไม่มีใครมาชี้ให้ก่อน ดังนั้น ทาง กกต.จำเป็นต้องเป็นผู้รวบรวบพยานหลักฐานเอง
นอกจากนี้ การร้องเรียนพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรค ยังเป็นการร้องเรียนคนละฐานความผิด โดยพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ส่วนพรรคภูมิใจไทยถูกร้องเรียนเรื่องเงินผิดกฎหมาย ซึ่งการจะถูกยุบในกรณีของพรรคภูมิใจไทยนั้นจะมีอยู่ 3 องค์ประกอบคือ 1. วิธีไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เหมือน กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 2. คนให้ไม่มีคุณสมบัติ หรือคุณสมบัติต้องห้าม และ 3. ที่มาของเงินถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของพรรคภูมิใจไทยคือ 1. เรื่องที่มาของเงิน ซึ่งการบริจาคเงินนั้นกฎหมายไม่ได้ห้าม 2. คุณสมบัติของผู้ให้ กรณีนี้ต้องแยกกับข้อกล่าวหาเรื่องการอำพรางหุ้นออกจากกัน เพราะในข้อนี้จะดูถึงการเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งบริษัทก็จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ถือว่า มีคุณสมบัติสามารถบริจาคเงินได้ 3. ที่มาของเงินถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ นี่คือประเด็น
กกต. ชี้แจงว่า ทั้ง 2 พรรคการเมืองนั้น ถูกร้องเรียนกันคนละประเด็น และใช้คนละมาตรา โดยในส่วนของพรรคก้าวไกลนั้น จะใช้มาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วย พรรคการเมือง ซึ่งเหมือนกรณีพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งมีคนพิพากษามาแล้ว คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการประชุมกว่า 62 ครั้ง และชี้มาให้เห็นแล้ว ส่วนพรรคภูมิใจไทย จะใช้มาตรา 93 ต้องใช้เวลา เพราะไม่มีใครมาชี้ให้ก่อน ดังนั้น ทาง กกต.จำเป็นต้องเป็นผู้รวบรวบพยานหลักฐานเอง
นอกจากนี้ การร้องเรียนพรรคการเมืองทั้ง 2 พรรค ยังเป็นการร้องเรียนคนละฐานความผิด โดยพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ส่วนพรรคภูมิใจไทยถูกร้องเรียนเรื่องเงินผิดกฎหมาย ซึ่งการจะถูกยุบในกรณีของพรรคภูมิใจไทยนั้นจะมีอยู่ 3 องค์ประกอบคือ 1. วิธีไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เหมือน กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 2. คนให้ไม่มีคุณสมบัติ หรือคุณสมบัติต้องห้าม และ 3. ที่มาของเงินถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของพรรคภูมิใจไทยคือ 1. เรื่องที่มาของเงิน ซึ่งการบริจาคเงินนั้นกฎหมายไม่ได้ห้าม 2. คุณสมบัติของผู้ให้ กรณีนี้ต้องแยกกับข้อกล่าวหาเรื่องการอำพรางหุ้นออกจากกัน เพราะในข้อนี้จะดูถึงการเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งบริษัทก็จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ถือว่า มีคุณสมบัติสามารถบริจาคเงินได้ 3. ที่มาของเงินถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ นี่คือประเด็น