xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์เร่งเจรจาขยายพื้นที่หน้าด่านฯ ช่องเม็ก หลังพบมีปัญหาแออัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างประเทศ ณ ด่านชายแดนช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ด่านศุลกากรช่องเม็กเป็นด่านการค้าที่สำคัญมีมูลค่าการค้าชายแดนกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี พบว่ามีปัญหาการจราจรติดขัดหน้าด่าน โดยเฉพาะในช่วงการขนย้ายมันสำปะหลังประมาณเดือนพฤศจิกายน รถพ่วงเข้าออกวันละประมาณ 400-500 พ่วง จึงทำให้การจราจรบริเวณหน้าด่านติดขัด โดยได้มีการพยายามแก้ไขปัญหาแต่ยังไม่สามารถทำได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการขอใช้พื้นที่ที่ดินแปลง 13 เพื่อขยายด่าน ที่ยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการดำเนินการย้ายประชาชนออกนอกพื้นที่ และสำหรับปัญหาการขนย้ายมันสำปะหลัง เวลานี้ได้มีการกำชับไปยังหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ ดูแลในเรื่องของคุณภาพมันสำปะหลังที่จะมีการนำเข้าเพื่อการส่งออกเนื่องจากมีความเป็นห่วงในเรื่องของการระบาดของโรคใบด่าง หากมีการระบาดในประเทศจะส่งผลกับสินค้าส่งออกของไทย ที่ในเวลานี้ถือเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของโลก และต้องการที่จะขยายมูลค่าการค้าเพิ่มมากขึ้น


ความต้องการมันสำปะหลังของโลกยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการเพาะปลูกในประเทศยังไม่เพียงพอจึงต้องมีการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันกับหลายหน่วยงาน ซึ่งต้องมีการใช้ความระมัดระวัง โดยภาครัฐจะต้องมีการดูแลในเรื่องของการนำเข้ามันสำปะหลังผ่านด่านชายแดน เพราะมีความกังวลถึงเรื่องโรคใบด่าง ที่เริ่มต้นมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การแก้ไขปัญหายังไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด โดยจะต้องมีการดูแลในเรื่องของการเพาะพันธุ์ที่มีความทนทานกับโรคให้มากขึ้น หลายหน่วยงานกำลังอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหา กระทรวงพาณิชย์ซึ่งถือเป็นหน่วยงานปลายทางในเรื่องของการค้าขายมีความกังวลในเรื่องของการนำเข้าหากมีการนำโรคเข้ามาด้วยจะส่งผลกระทบ

ในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนที่ได้มีการคิดค้นมันที่มีความทนทานต่อโรค โดยยังต้องหาข้อสรุปว่าหลังจากนี้เกษตรกรจะต้องมีการใช้พันธุ์ สำหรับเกษตรกรจะใช้พันธุ์จากหน่วยงานใดเพื่อแก้ไขปัญหาโรคในอนาคตโดยไม่สามารถปล่อยไปได้ เพราะหากทำให้โรคกระจายไป จะไม่สามารถควบคุมหรือทำลายได้โดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์รวมถึงอธิบดีที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกันแล้ว

นอกจากนี้ ยังต้องมีการหารือทำความเข้าใจกับผู้นำเข้า ประชาชนรวมถึงเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อดูแลไม่ให้กระทบระหว่างกัน หากสามารถจับมือกันได้ ก็จะเป็นเรื่องดี โดยให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ประสานงานต่อไป