กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะวิธีป้องกันการจมน้ำในเด็ก โดยไม่ให้เด็กเล่นน้ำตามลำพัง ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติหรือสถานที่ท่องเที่ยว เพราะมีความลึก ความชัน และอาจมีกระแสน้ำวน รวมถึงหากเด็กเล่นน้ำในลักษณะผาดโผนเสี่ยงอันตราย จะทำให้จมน้ำเสียชีวิตได้ อีกทั้งไม่ปล่อยให้เด็กเล็กอยู่ตามลำพังใกล้แหล่งน้ำ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพราะหากพลัดตกน้ำจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ตลอดจนสอนให้เด็กเรียนรู้วิธีช่วยเหลือ คนจมน้ำอย่างปลอดภัย ฝึกทักษะการว่ายน้ำหรือลอยตัวในน้ำ และให้เด็กสวมเสื้อชูชีพเมื่อประกอบกิจกรรมทางน้ำ จะช่วยป้องกันเด็กจมน้ำได้
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม- พฤษภาคม เป็นช่วงที่มีสถิติเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงขอแนะข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันเด็กจมน้ำในช่วงปิดภาคเรียน ดังนี้ เด็กโตจะเสี่ยงจมน้ำตามแหล่งธรรมชาติใกล้บ้าน อาทิ คลอง บึง และสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ทะเล สวนน้ำ น้ำตก เป็นต้น ซึ่งมีความลึก ความชัน และอาจมีกระแสน้ำวน เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เด็กจมน้ำ เพื่อความปลอดภัย ผู้ปกครองควรดูแลการเล่นน้ำของเด็กอย่างใกล้ชิด และไม่ให้เด็กเล่นน้ำในลักษณะผาดโผนเสี่ยงอันตราย เช่น กระโดดตีลังกาลงน้ำ เป็นต้น อีกทั้งสอนให้เด็กเรียนรู้วิธีช่วยเหลือคนจมน้ำ โดยโยนอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ อาทิ ห่วงชูชีพ ถังน้ำ แกลลอน ให้คนจมน้ำยึดเกาะพยุงตัวรอการช่วยเหลือ หรือใช้ลอยตัวเข้าหาฝั่ง สำหรับเด็กเล็กมักจมน้ำเสียชีวิตในแหล่งน้ำภายในบ้าน โดยเฉพาะอ่างน้ำ โอ่งน้ำ บ่อเลี้ยงปลา ภาชนะเก็บน้ำ ดังนั้น ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังบริเวณจุดเสี่ยงต่อการจมน้ำ เพราะหากเด็กพลัดตกน้ำ จะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทำให้จมน้ำเสียชีวิต นอกจากนี้ ควรฝึกทักษะการว่ายน้ำหรือลอยตัวในน้ำให้เด็ก รวมถึงให้เด็กสวมเสื้อชูชีพเมื่อประกอบกิจกรรมทางน้ำ เพื่อป้องกันเด็กจมน้ำ ทั้งนี้ ประชาชนได้ผู้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID@1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง