นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า”ผ้าขาวม้าเป็นสินค้าแฮนด์เมดของไทยที่มีความสวยงามแตกต่างหลากหลายทั้งสี ลวดลาย และเนื้อผ้า ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภูมิปัญญาท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาคและจังหวัดทั่วประเทศไทย ถือเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม เป็น soft power ที่ทรงคุณค่าอย่างหนึ่งของประเทศไทย
แต่ท่านเชื่อไหมว่า งานฝีมือ handmade แบบนี้ที่ต้องใช้เวลาถักทอ 1-5 วันต่อผ้าขาวม้าหนึ่งผืน กลับขายได้ในราคาเพียงผืนละ 100-200 บาทเท่านั้น หากหักต้นทุนค่าเส้นด้ายและค่าเสื่อมเครื่องทอแล้ว แทบจะไม่เหลือเงินรายได้สุทธิให้กับผู้ผลิตเลย
ถามว่าทำไมราคาขายมันจึงถูกปานนั้น คำตอบคือ สินค้าทางวัฒนธรรมตัวนี้ ขาดการทำการตลาดโดยสิ้นเชิง ชาวต่างชาติหลายคนที่ได้ซื้อผ้าขาวม้าไปลองใช้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในโลกนี้ยังมีของดีราคาโคตรถูกแบบนี้ด้วยหรือ?
ใครจะเชื่อว่า ผู้ที่อาสามาเป็นคนทำตลาดคนแรกให้กับผ้าขาวม้าไทยก็คือ คนระดับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ”เศรษฐา ทวีสิน” นายกของไทยที่กล้าใช้ผ้าขาวม้าที่ได้รับมาในระหว่างที่ไปลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ใส่พันคอกับชุดสูทอย่างเท่ ในระหว่างมาเยือนและพบปะเจรจากับผู้นำรัฐบาลและภาคเอกชน ณ เมืองหลวงของแฟชั่นโลกคือ ฝรั่งเศส ปรากฏว่า ความเท่นี้มีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ที่แทบจะไม่เคยมีคนระดับนายกรัฐมนตรีของไทยคนไหนเคยใส่มาก่อนเลย เล่นเอาฝรั่งที่ได้พบเห็น ต่างทึ่งในความเท่แบบไทยๆไปตามๆกัน
ท่านนายกเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ผ้าขาวม้าของไทยมีคุณค่าทางวัฒนธรรมสูงมากกว่าราคาที่ซื้อขายกันในปัจจุบันมาก หากได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจังด้วยการพัฒนาการออกแบบ การนำไปประยุกต์ตัดเป็นชุดต่างๆ และทำตลาดอย่างถูกวิธี ทำไมผ้าขาวม้าของไทยจะส่งออกในราคาหลักพันไม่ได้“