ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ว่ามีผู้อำนวยการโรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการสกัดกั้น การลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (กก. 1 บก.กส.บช.ปส.) ได้ดำเนินการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว ในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำ เพื่อการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” นั้น
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา และทราบว่าหน่วยงานต้นสังกัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงได้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพเพื่อพิจารณาในส่วนของความผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ และในการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ มีมติให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทุกประเภทของผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวทันที โดยไม่ต้องรอผลการสอบสวน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ
ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวต่อว่า หลังจากมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาแล้ว คณะอนุกรรมการสอบสวนการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพจะเร่งดำเนินการสอบสวนการประพฤติผิดฯ ตามข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และหากดำเนินการครบตามขั้นตอนแล้วพบว่ามีความผิดจริง ก็จะเสนอคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทุกประเภทของผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวต่อไป
“ขอเน้นย้ำว่า ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทุกคน ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีและไม่ประพฤติตนไปในทางที่เสื่อมเสีย กรณีที่ครูหรือบุคลากรทางการศึกษาไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่ต้องรีบดำเนินการทันที เพราะครูทุกคนจะต้องเป็นที่เคารพและศรัทธาของลูกศิษย์และสังคม อีกทั้งโรงเรียนก็จะต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยของนักเรียนทุกคน” เลขาธิการคุรุสภากล่าว