รศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "เวลาอยู่บนฟ้า เรียก "ดาวตก"/ เจอเป็นก้อนที่พื้นค่อยเรียก "อุกกาบาต"
เย็นวันนี้ เห็นคนโพสต์กันใหญ่เลย ว่าเห็นแสงไฟประหลาด สีออกเขียว อยู่บนท้องฟ้า พุ่งลงมา เห็นได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดภาคกลาง (ดูภาพประกอบจาก สมาคมดาราศาสตร์) ..
ซึ่งก็ไม่น่ามีอะไรน่าตกใจนะครับ มันก็คือสะเก็ดดาวที่พุ่งจากอวกาศ เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ลงสู่พื้นโลกนั่นเอง แล้วมันก็เกิดขึ้นเป็นระยะๆ อยู่แล้ว
ประเด็นคือ สำนักข่าวส่วนใหญ่ชอบพาดหัวข่าวว่ามีคนเห็น"อุกกาบาต" กัน ... ซึ่งไม่ถูกนะครับ ! ควรใช้คำว่า "ดาวตก" หรือคำว่า "ผีพุ่งไต้" หรือคำว่า "ลูกไฟ" จะถูกต้องกว่าครับ
คำว่า "สะเก็ดดาว อุกกาบาต ดาวตก ผีพุ่งไต้ ลูกไฟ ฝนดาวตก" ใช้ต่างกัน ดังนี้
- สะเก็ดดาว (meteoroid) : เป็นชิ้นวัตถุแข็งจำพวกหินกับเหล็ก เกิดจากส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ และบางส่วนเกิดจากเศษที่แตกหักของดาวหาง วัตถุเหล่านี้ตอนอยู่ในอวกาศ
ต่อมา เมื่อสะเก็ดดาวโคจรเข้ามาอยู่ในรัศมีแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้มันถูกดึงดูดลงยังพื้นโลกด้วยความเร็วช่วง 19 ถึง 40 กิโลเมตรต่อวินาที จนเกิดการเสียดสีกับบรรยากาศจนร้อนจัด และหลอมตัวเป็นลูกไฟสว่าง
- ดาวตก หรือ ผีพุ่งไต้ (meteor) : ใช้เรียกเมื่อสะเก็ดดาวเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก จนเกิดความร้อนและแสงสว่าง ส่วนมากมักลุกไหม้หมดก่อนถึงพื้นโลก
- ลูกไฟ (Fireball) หรือโบลายด์ (Bolide) : คือดาวตกที่ส่องแสงสว่างมาก ๆ เกิดจากวัตถุนอกชั้นบรรยากาศตกลงมาสู่โลก และเกิดการเผาไหม้จึงเห็นไฟเป็นสีต่าง ๆ
โดยสีที่เห็นนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางเคมี อาทิ สีแดง (มีองค์ประกอบของ ไนโตรเจนและออกซิเจน) สีเหลือง (มีองค์ประกอบของ ไอรอน หรือเหล็ก) สีม่วง (มีองค์ประกอบของ แคลเซียม) สีส้มอมน้ำตาล (มีองค์ประกอบของ โซเดียม) สีเขียวอมฟ้า (มีองค์ประกอบของ แมกนีเซียม)
- อุกกาบาต (meteorite) : ใช้เรียกชิ้นส่วนของสะเก็ดดาวที่สลายตัวไม่หมด จนตกลงมาถึงพื้นโลก แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ หิน (stone) เหล็ก (iron) เหล็กปนหิน (Stone-Iron)
- ฝนดาวตก (meteor shower) : ปรากฏการณ์ที่เกิดดาวตกจำนวนมากในอัตราที่ถี่กว่าปกติ เกิดจากโลกโคจรฝ่าเข้าไปในธารอุกกาบาต ซึ่งสะเก็ดดาวเหล่านั้นก็จะตกลงสู่บรรยากาศโลกกลายเป็นดาวตก ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์บนโลก