นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งนักการเมืองยกฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยมติเอกฉันท์ พร้อมถอนหมายจับในคดีโรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย ย่อมแสดงถึงสัญญาณจะได้กลับไทยเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นโทษในคดีโรดโชว์แล้ว แต่ยังมีโทษจำคุก 5 ปีและหมายจับในคดีจำนำข้าวที่สิ้นสุดแล้ว ดังนั้น การจะกลับบ้านเมื่อไร ย่อมดำเนินการไปตามรูปแบบการกลับบ้านของ นายทักษิณ ชินวัตร คือ ขออภัยโทษในคดีที่มีโทษเหลืออยู่ และที่สำคัญต้องไม่กลับในวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
"ถ้าทักษิณ กลับบ้านและทำอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ยิ่งลักษณ์ จะกลับบ้านได้ง่ายที่สุด ไม่ต้องถูกสังคมจับตาทุกการเคลื่อนไหว พร้อมวิจารณ์จะใช้โมเดลนอน รพ.ชั้น 14 แต่ถึงที่สุดจะทำเหมือนทักษิณทุกอย่างไม่ได้เลย จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ"
นายจตุพร กล่าวว่า นายทักษิณ เลือกกลับไทยในช่วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และยังเป็นผู้ทำรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย แล้วยังเสนอขอพระราชทานอภัยลดโทษเหลือหนึ่งปี ซึ่งเป็นสิ่งผิดปกติ และคาดกันว่า เป็นดีลที่ทำกันไว้
“เมื่อรูปแบบกลับบ้านของทักษิณ ไม่ดำเนินไปในช่วงนายเศรษฐา เป็นนายกฯ แล้ว การกลับบ้านของยิ่งลักษณ์ ย่อมไม่กลับในวันที่นายเศรษฐาเป็นนายกฯ เช่นกัน เพราะรูปแบบจะออกมาตามดีล หากผิดดีลแล้วหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ รพ.ตำรวจ คงปลิวว่อนออกมาประจานสาธารณะเป็นแน่”
นายจตุพร กล่าวว่า การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีจากนายเศรษฐานั้น ต้องพิจารณาจากการได้เป็นนายกฯ จึงเข้าใจได้ชัดเจน เพราะหลังเลือกตั้งนายเศรษฐา แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในผลคะแนนเสียงเลือกให้เป็นนายกฯ เลย อีกอย่างการแถลงหาเสียงทุกคำประกาศยังเบี้ยวประชาชนหมดแล้วมาตั้งรัฐบาลกับฝ่ายยึดอำนาจ ดังนั้นการมาเป็นนายกฯ จึงหลีกหนีจากการดีลกันไว้แทบไร้ข้อสงสัย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบการเบี้ยวดีล แต่ไม่ได้หมายความว่า การเบี้ยวจะไม่เกิดขึ้น
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญประชาชนต้องการรัฐบาลที่คิดเรื่องชาติบ้านเมืองและกล้าที่จะเปลี่ยน แต่รัฐบาลภายใต้การฮั้วอำนาจและสมยอมกันแบบนี้ไม่ได้ผลอะไรกับการเปลี่ยนแปลงให้บ้านเมืองไปในทางที่ดีขึ้น
ประเทศไทยต้องมาก่อน