นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้มีโอกาสร่วมประชุมและติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการที่ต้องรับผิดชอบ โดยมีเขตตรวจราชการที่ 12 กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เขตตรวจราชการที่ 17 ตาก พิษณุโลกเพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ และเขตตรวจราชการที่ 18 กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี โดยในส่วนนี้ ตนมีอำนาจในการอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่หน่วยงานของรัฐ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 13 จังหวัด ที่ได้ร่วมประชุมและเสนอโครงการมา ซึ่งเป็นเรื่องของอาชีพ เรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน แหล่งน้ำ โดยทั้งสองสิ่งนี้ตนอยากทำให้มากที่สุด พร้อมมองว่า เรื่องน้ำ สามารถของบประมาณจาก สทนช. ได้ ซึ่งจะทำให้งบประมาณในส่วนนี้สามารถนำไปพัฒนาด้านอื่นได้อีก ดังนั้น ขอให้ผู้ตรวจราชการช่วยกันรวบรวมโครงการที่เกี่ยวกับน้ำทั้งหมด เพื่อผลักดันเข้าสู่เว็บไทยวอเตอร์แพลน ให้ สทนช.พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนการส่งเสริมอาชีพเพื่อแก้ปัญหาความยากจน นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนได้ผลักดันโครงการโคแสนล้าน ซึ่งในแต่ละจังหวัดอย่างน้อยต้องมีประมาณ 5,000 ครอบครัว โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัด และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันพิจารณาว่าครอบครัวไหนบ้างที่มีความพร้อ และมีศักยภาพในการเลี้ยงวัว โดยจากการทำโครงการนำร่อง 4 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จึงขอให้ทางจังหวัด ช่วยอบรมในเรื่องผสมเทียม จะได้มีสัตวบาลอาสา ซึ่งตนอยากให้มีตำบลละ 1 คน จะได้เพียงพอต่อการดูแลสมาชิกที่เลี้ยงวัว โดยกองทุนหมู่บ้านฯ มีสมาชิก 13 ล้านคน หากเริ่มต้นเลี้ยง 2 ตัว ผ่านไป 4 ปี จะมีรายได้รวมทั้งหมดถึง 5 แสนล้านบาท
ส่วนครอบครัวที่ยากจน ตนอยากให้มีการจัดอบรมการทำบัญชีครัวเรือน เพื่อจะได้รู้การใช้จ่ายและการอดออม รวมถึงการหารายได้เพิ่ม ตนจึงเสนอโครงการวัว เพื่อเป็นรายได้เสริม ส่วนเกษตรฯ ด้านอื่น ตนก็ยินดีที่จะส่งเสริมอาชีพให้ พร้อมมั่นใจว่า หากเราไม่ทำในเรื่องของปศุสัตว์ ประชาชนจะไม่สามารถหลุดพ้น จากความยากจนได้ ตนจึงผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน