ตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุมนายธีระพงษ์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 838/2565 ลง 27 เมษายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นนำหรือพาของต้องห้าม ของต้องกำกัด ออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่น นำเข้าหรือส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน ออกไปนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย"
พฤติการณ์ เมื่อประมาณวันที่ 20 เมษายน 2560 เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ได้จับกุม นายนิธินนทน์ พร้อมด้วยของกลางเป็นถังไนโตรเจน ภายข้างในบรรจุน้ำเชื้ออสุจิมนุษย์แช่แข็ง จำนวน 6 หลอด ก่อนจะเดินทางไปส่งที่ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ
จากการสอบถามนายนิธินนทน์ รับว่ามีนายธีระพงษ์ เป็นผู้ว่าจ้างให้ไปรับน้ำเชื้อที่กรุงเทพ ให้ไปส่งคลินิกที่ สปป.ลาว ต่อมากรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จึงร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ทำการสืบสวนขยายผลผู้กระทำความผิดในขบวนการที่เกี่ยวข้อง
ชุดสืบสวนทำการสืบสวน ทราบว่ากลุ่มขบวนการนี้มีหน้าที่นำน้ำเชื้ออสุจิ โดยมีกลุ่มนายทุนจีนว่าจ้างให้ลักลอบ นำออกไปส่งให้กับคลินิกมีบุตรยากที่ฝั่ง สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อนำมาผสมกับไข่ของหญิงชาวลาวหรือชาวกัมพูชาที่รับจ้างอุ้มบุญ โดยมีจุดประสงค์ของทุนจีน คือการได้รับสัญชาติจากผู้รับจ้างอุ้มบุญ เพื่อเป็นการฟอกเงินจากกลุ่มจีนเทาอีกรูปแบบหนึ่ง จึงได้ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องคือนายธีระพงษ์ ผู้ลับลอบการขนส่งน้ำเชื้ออสุจิ และเจ้าของน้ำเชื้ออสุจิ
จากการสืบสวนพบตัวผู้กระทำความผิด นายธีระพงษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ มาพักอาศัยอยู่บ้านพักแห่งหนึ่ง ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงนำกำลังลงพื้นที่จับ นายธีระพงษ์.บริเวณบ้านพักหลังดังกล่าว
จากการสอบถามนายธีระพงษ์ รับว่า ทำหน้าที่นำน้ำเชื้ออสุจิ ไปส่งตามคลินิกฝั่ง สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อฝากครรภ์หญิงชาวลาว และกัมพูชาที่รับฝาก สาเหตุที่ไม่มีการฝากอุ้มบุญในไทยเนื่องจาก การขออนุญาตเป็นเรื่องยากและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ส่วนทางฝั่งเพื่อนบ้านมีกฎหมายรองรับ ทำได้ง่ายกว่า และมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก และได้รับจ้างลักลอบ นำส่งตัวอ่อนมาประมาณ ปี 2557 ถึงปี 2560 รับส่งตัวอ่อนครั้งละประมาณ 100 หลอด ได้รับค่าจ้างตัวละประมาณ 10,000 – 15,000 บาท จากนั้นนำตัวนายธีระพงษ์ ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย